“โตโน่” อินบทจัดสลัดไม่หลุด ทำ “ณิชา” ร้องไห้ คนรอบตัวไม่อยากอยู่ใกล้

เปิดเผยทุกความรู้สึก นักร้องผู้แสดงนำชายหนุ่ม “โตโน่ ภาคิน คำวิลัยศักดิ์” เปิดใจหลายเรื่องราว ก่อนเข้าพิธีอุปสมบท 9 เดือนมกราคม 2566 นี้ 7 วัน เพื่อทดแทนพ่อแม่พี่น้องไทย-ลาว ที่ร่วมบริจาคในการว่ายน้ำข้ามโขง

เล่าถึงการรับบท “เสือดำ” ในภาพยนตร์ “ขุนพันธ์ 3” ที่ตระเตรียมเข้าฉาย 2 มี.ค.นี้ ทำเจ้าตัวทุ่มเทจนถึงอินจัด เอาตนเองออกจากตัวละครมิได้ ทำเอาคนที่อยู่รอบข้างกลัว รวมถึงทำนางเอกสาว “ณิชา-ณัฏฐณิชา” หวานใจ ถึงกับขนาดร้องไห้

โตโน่

โตโน่ ภาคิน เปิดใจในงานเก็บบรรยากาศ MV “สะกดทัพ”

เป็นการร่วมงานหนแรกกับค่าย khaosan play ที่ One-Tara Studio เริ่มจาก

“ตอนนี้ดีขึ้นแล้วครับ แต่ในช่วงที่เป็นเค้าก็หนัก คือมันไม่น่าอยู่ใกล้ ตอนแรกผมก็ไม่รู้ตัว แต่ถ้าพี่ ๆ จำได้ มันมีวันนึง ที่ผมไปเซอร์ไพรส์วันเกิดน้องณิชา ผมเอากีตาร์ไปร้องเพลงหน้าบ้านเค้า แต่หลังจากนั้นแหละครับ ณิชาร้องไห้ คือตาผมมันเปลี่ยน แล้วพอน้องบอกว่าน้องกลัว ผมก็รู้แล้ว เพราะก่อนหน้านั้น เราก็เริ่มรู้สึกแล้วล่ะ ว่าเราถอดไม่ออก ตอนแรกก็ไปหาคุณหมอ

แต่คราวนี้ที่จะช่วยได้ก็คือ คุณหมอทางการแสดง ก็คือครูแอ๋ว จริง ๆ ครูเตือนว่า อย่าใช้วิธีนี้นะโตโน่ มันไม่คุ้ม เค้าเรียกว่าการเป็นตัวละครตลอดเวลา เรารับปากว่าเราจะไม่ใช้ แต่ใจเรารู้ว่า เราอยากจะมอบทุกอย่างให้กับงานของเรา ผมเป็นคนแบบนั้น ถ้าเล่นคอนเสิร์ต ผมก็จะทำให้สุด เล่นละคร เล่นหนังก็เช่นกัน แต่ในชีวิตจริงผมก็เป็นผมปกติ เพียงแต่พอเรารับเค้ามาแล้วโดยที่ไม่ได้บอกครู และเราไม่มีเวลาไปถอดออก

คราวนี้ผู้จัดการก็กลัวผม จิตใจผมก็ยังมืดมน มันไม่น่าอยู่ใกล้เลย จริง ๆ แล้วผมว่า มันเป็นข้างในมากกว่าครับ ผมก็รู้ตัวว่าผมเป็นผม แต่คนรอบข้างเค้าจะรู้สึกได้เอง พอเรารู้แล้วว่า มันส่งผลกระทบ กับคนรอบข้าง รวมถึงจิตใจข้างในของเรา มันดิ่งมากครับ ตอนแรกเราไม่รู้ เราเห็นนักแสดงต่างชาติ ที่เราชื่นชอบเค้าฆ่าตัวตาย มีปัญหาทางจิต เราไม่รู้แต่พอเกิดขึ้นกับเราเองจริง ๆ แล้วเรารู้แล้วว่า ทำไมครูถึงเตือน”

“ไม่ครับ คือผมไม่ได้คิดทำร้ายตัวเอง แต่ผมแค่ไม่น่าอยู่ใกล้ครับ ช่วงแรกต้องกินยา รู้ตัวเราในช่วงนั้นตอนเป็นหนัก ๆ คนใกล้ตัวอย่างผู้จัดการผม แค่ผมขึ้นรถเค้าก็กลัวแล้ว ผมลงมาจากรถตู้มาถึงกองขุนพันธ์ พี่อนันดา มาริโอ้ ก็ยังไม่อยากเข้าใกล้ ยิ่งพอใส่ชุดใส่อะไรยิ่งไปกันหมด แต่พอเราดีลได้อย่างเช่นซีนนี้ ๆ ผมสามารถเป็นเค้าได้ 100% นะ อย่างที่ผมไม่ต้องกังวล ว่าคนที่เล่นด้วยกับผม เค้าจะได้รับอันตรายก็ดีขึ้น ซีนไหนที่ต้องแอ็กชันกัน ผมรู้แล้วว่าผมต้องมีสติในการเซฟเพื่อน ที่ร่วมเล่นด้วย มันก็ปลอดภัยแต่ในช่วงแรก ๆ มันอันตราย ก็เลยต้องปรึกษา กับทางครู และ คุณหมอในช่วงแรก”

หมอชี้แจงมั้ย ว่าเป็นอาการอะไร?

“มันเป็นเพราะว่าเรายินดีที่จะตายเพื่อมัน บนเวทีคอนเสิร์ตผมยินดีเลยนะ ผมจะเป็นตัวอะไรก็ได้ถ้าคนจ้างผม คนที่เสียบัตรอุตส่าห์ขี่มอเตอร์ไซค์มา ขับรถมา เสียตังค์มาดูคอนเสิร์ต อะไรที่จะทำให้เค้ามัน เค้ามีความสุข ผมยินดี หนังก็เหมือนกัน ถ้ามันจะสะท้อนชีวิตของคนที่ทำไมเค้าถึงเลือกเป็นเสือ เค้าโดนอะไรมาบ้าง กับชีวิตนั้น ผมยินดี

ในช่วงเวลาที่หนังที่เรารัก คือเรารักวงการนี้ มันคืออาชีพของเราไม่ว่าจะเป็นนักร้องหรือนักแสดงและเราก็อยากจะให้เกียรติบทตัวละครที่เราจะต้องไปเป็นเค้า เพียงแต่ว่ามันเป็นครั้งแรกที่เราเป็นไปหมดเลย คราวนี้ก็เป็นประสบการณ์ที่ดีของผมเหมือนกันในการที่จะต้องรู้จักถอดออกเพราะไม่อย่างนั้นผมอาจจะมีปัญหาทางจิตใจ ตอนนี้ก็ยังเป็นอยู่ หมายถึงมันเป็นความรับผิดชอบของนักร้องนักแสดง”

กังวลใจว่าพอหนังเข้าฉาย อารมณ์นั้นจะกลับมาอีก?

“ไม่ครับ คือตอนนี้บางอย่างก็ยังเป็นแต่พอเรารู้แล้วว่าจะคุมมันยังไง มันก็ถอดไปก็มีวิธีดีลกับความรู้สึกข้างใน เพียงแต่ตอนที่เราต้องเป็นเค้าตลอด ต้องถ่ายทำกันตลอด 3-4 เดือนนั้นมันก็เป็นความทรมานที่มีความสุขอยู่ลึกๆหมายถึงเราดีใจกับคนดู เราเคยมีคำถามว่าทำไมนักแสดงฝรั่ง ดูเวลาเค้ายิง เค้าขี่ม้าสิ ทำไมมันเหมือนจริง ทำไมเค้าทำได้ แล้วเราเป็นนักแสดงไทยเราก็ควรจะทำได้แบบนั้น

แต่โอเคในเรื่องของรายได้ เราไม่ได้รายได้เท่าฮอลลีวูด แต่ในเรื่องของจิตวิญญาณหรือความรับผิดชอบเราเท่ากันครับ เรามีอาชีพเหมือนกัน มันเป็นสิ่งที่ถ้าเราบอกว่าเรารักวงการบันเทิง หรือเรารักคนดูเรา ก็ควรทำให้เต็มที่ คอนเสิร์ตก็เหมือนกัน แต่เวลาที่ผมเป็นผมแบบนี้ ผมก็เป็นลูกของแม่ ผมก็เป็นแบบนี้”

โตโน่ ภาคิน  คำวิลัยศักดิ์

เรื่องกระโดดน้ำ ในคอนเสิร์ต หรือ ท่าสตาร์ตรถที่เป็นกระแส?

“คือเรื่องโดดน้ำนี่เราก็เคยโดดมาแล้วนะ สตาร์ตมอเตอร์ไซค์เราก็สตาร์ตมาเป็น 10 ปีแล้ว แต่อาจจะเป็นเพราะว่าเดี๋ยวนี้มีติ๊กต่อก โซเชียลมันมากขึ้น คือไมค์ตัวนี้มันมีปัญหาเวลาเล่นในที่แคบ แล้วเราจะเปลี่ยนไมค์ใหม่อยู่แล้ว เราสั่งไมค์ใหม่เอาไว้แล้ว เราจะได้ไมค์ใหม่อีกวันนึง จริงๆดูไว้ตั้งแต่ตอนซาวด์เช็กแล้วครับ ไปดูแล้วว่ามันลึกขนาดไหน ถามเค้าแล้วว่าเคยมีคนโดดมั้ยก็มีคนเคยโดด และเราก็คิดไว้แล้วว่ามันน่าจะสนุก ถามว่าเจ็บมั้ย ไม่เจ็บครับ แต่ถ้าลงไปแล้วยืน เจ็บครับ อารมณ์ตอนนั้นอยากจะเอนเตอร์เทนคนดูเพราะเพื่อนๆ ก็มีความสุขที่มาดู มันก็เป็นคอนเสิร์ตที่ขอนแก่นบ้านผมด้วย ก็ดีใจนะครับ ดีใจกับทางร้าน คนไปตามหาร้านกันและเป็นเพลงสุดท้ายที่เราร้องด้วย”

พี่แจ๊ส ชวนชื่น กล่าวว่าไม่ต้องกระโดดน้ำแล้ว เพราะเหตุว่าคนส่งไปให้แจ๊สคัฟเวอร์?

“ก็ต้องขอโทษพี่แจ๊สด้วยครับ แต่ไม่ได้ทักหาเลยไม่คิดจริงๆ อย่างสตาร์ตมอเตอร์ไซค์ ก็ไม่คิดว่าจะฟีดแบ็กเยอะขนาดนี้ ก็ตกใจ ก็มีคนมาให้สอนเหมือนกัน”

มิได้โกรธใคร ที่มาเลียน แบบล้อเลียน?

“ไม่เลยครับ คือผมไม่ได้มีลิขสิทธิ์ท่าและเราเลือกได้ว่าเราจะตอบสนองยังไงและผมเป็นคนให้เกียรติคนเสมอมา ผมเลือกได้ เราอาจจะเลือกเกิดไม่ได้ แต่เราเลือกได้ว่าเราอยากจะเป็นคนแบบไหน” จะมีตำนานใหม่ๆมั้ย? “ผมไม่เคยคิดเลยว่ามันจะเป็นตำนานอะไร ผมแค่ทำงานของผมให้เต็มที่ เพื่อคนที่เค้าอุตส่าห์เสียเงินมาดูผมครับ”.