Category ข่าวบันเทิง

ไอซ์ อภิษฎา

“ไอซ์ อภิษฎา” รีวิวทั้งน้ำตา ความรู้สึกได้เป็นแม่คน เห็นหน้าลูกมิได้ มองปุ๊บรักปั๊บ ผู้หญิงเพราะอะไรจะต้องเจ็บ อดทนขนาดนี้

ลงภาพลูกสาวน้อง “เลอา” รัว ๆ ล่าสุดคุณแม่ป้ายแดง “ไอซ์ อภิษฎา เครือคงคา” ได้ทำคลิปเล่าเรื่องราว ความรู้สึกของตน ภายหลังได้คลอดลูกออกมาแล้ว ในรายการ ApitsaDay ทางช่องยูทิวบ์ ในตอน “อภิษคลอดลูกสาวแล้ว หลังรอคลอด 17 ชั่วโมงเต็ม | ApitsaDay ep.21” เริ่มต้น ไอซ์ เล่าถึงชีวิตคุณแม่มือใหม่ ให้ฟังว่า…

“6 วันหลังคลอดน้ำนมเพิ่งมา นอนไม่ได้เลย 24 ชั่วโมง 6 โมงเช้าตื่นมาลูกมาดูพระอาทิตย์ขึ้น แล้วก็ให้หมอมานวดนม เลี้ยงลูกต่อ ให้นม ปั้มนม วน ๆ ไปแบบนี้ ชีวิตในตอนนี้วัฎจักรของแม่ (ไม่เคยเห็นไอซ์ในมุมนี้?) นวดนมคือที่สุดแล้ว แผลผ่าตัดยังไม่เจ็บเท่านวดนมเลย”

ไอซ์ อภิษฎา กับลูก

ตั้งใจคลอดธรรมชาติ แต่ว่าสุดท้ายได้ผ่าคลอด

“วันเกิดเขา เขาเลือกเอง ไม่มีฤกษ์ใด ๆ ตื่นขึ้นมามีเลือดออก ไปโรงพยาบาลตั้งแต่ตี 5 อยู่โรงพยาบาลมาจน 4 ทุ่มกว่า ฉันรู้สึกว่าไม่ไหวแล้ว หมอบอกลูก 3.5 โล ก็บอกหมอแล้วไงคะ ได้ ลองดูค่ะ แต่จริง ๆ มีความกลัวมากนะ ทำไม 17 ชั่วโมง มันยังไม่เปิดอีก คือมันเปิดแค่ 2 ซม. เราไม่ได้เผื่อใจมาก่อน ว่ามันจะเจ็บขนาดนี้ เพราะทุกคนบอกว่า คลอดธรรมชาติเดี๋ยวนี้บล็อกหลัง คือไม่เจ็บเลย แล้วมันบล็อกหลังไม่ได้ ถ้าปากมดลูกไม่เปิดถึง 4 ซม.

ฉันรอจนชั่วโมงที่ 17 ก็เลยถามว่า ถ้าจะบล็อกหลังต้องทำยังไง ต้องผ่าภายในชั่วโมง ก็บอกหมอว่าผ่าเดี๋ยวนี้ แต่เขาบอกว่า หัวน้องใหญ่แต่เราสรีระคนเอเชีย แต่น้องคือสรีระหัวฝรั่ง ร่างกายมันเหมือนเจ็บอยู่แล้ว มันหนาวสั่น พอเข้าห้องผ่าตัด ก็หนาวจนปากสั่น คุณแฟนก็พยายามช่วยให้ดีขึ้นใจเย็น ๆ ก่อนที่ลูกจะออกมา เหมือนมีคนขึ้นไปขย่มบนตัว 3 คน ช่วยกันฮึบ ๆ แล้วดึงขึ้น มันเงียบไปสักพักนึง แล้วก็ได้ยินเสียงเด็กร้อง น้ำตาแม่ก็ไหล เหมือนในละครเหมือนผู้กำกับสั่ง คุยกับเพื่อนส่วนมากก็จะเป็นแบบนี้แหละ ได้ยินเสียงร้องปุ๊บ แล้วเหมือนว่าเขาปลอดภัย (เสียงเครือ) เราทำได้ น้ำตาหยดแรกก็ไหลพราก แล้วคือคิดว่าคลอดลูกเสร็จแล้วคือจบ โอ้ยยย…ต้องมาปวดนมอีก การให้นมนี่คือที่สุดแล้ว”

เล่าความรู้สึก เห็นหน้าลูกคราวแรก ไม่ได้มองปุ๊บรักปั๊บ
“มันเหมือนมีสิ่งใหม่เกิดขึ้น ทุกคนมีความสุข แต่อยากจะบอกว่า กว่าเราจะมองหน้าเขา มันไม่ใช่มองปุ๊บรักปั๊บเลยนะ มันต้องทำความรู้จักกันก่อน เธอคือใคร เธอคือลูกฉัน? หน้าเหมือนกัน เขาเองก็เหมือนกัน เขาก็มองหน้าเราตาแป๋ว เขาก็ต้องทำความรู้จักเราด้วย ว่าเธอจะมาเป็นแม่ฉันเหรอ คุณพ่อนางคือนั่งจ้องหน้าลูกทั้งวัน ตอนนี้เขาก็คือเด็กฝรั่งคนนึง แต่เดี๋ยงเขาก็คงจะต้องได้ฉันไปบ้างแหละ”

ด้าน คุณยายน้องเลอา ก็เล่าความน่ารักน่าเอ็นดู ของลูกเขย ให้ฟังว่า “เราบอกว่าหน้าเหมือนคุณพ่อเลย เขาบอกไม่ครับ สวยเหมือนแม่ เขาเข้ามาเป็นของขวัญชิ้นใหม่ของครอบครัว ตื่นเต้นตั้งแต่คืนที่ลูกบอกว่าไปโรงพยาบาลแล้ว นอนไม่หลับ อธิษฐานให้ลูกกับหลานปลอดภัย คุณตาตื่นเต้นมาก ๆ เขาอยากมีหลานมานานแล้ว”

ไอซ์ พูดถึงลูก

ไอซ์ อภิษฎา ยังเล่าต่อถึงเรื่องราวในวันคลอดว่า….

“ตอนแรกแม่ถาม จะให้แม่ไปอยู่เป็นเพื่อนไหม เราก็บอกว่าไม่เป็นไร แม่ก็บอกกลับมาว่า แล้ววันนั้นลูกจะคิดถึงแม่นะ ระหว่างตอนที่ปวด เราก็คิดว่านี่เรากำลังทำอะไรอยู่ ทำไมต้องเจ็บขนาดนี้ มันไม่ได้มีความโอ้ ลูกจ๋า อะไรแบบนี้เลย แต่เป็นเพื่อใครนะ! เพื่อคนนี้เหรอ เธอคือใคร! แต่พอเขาออกมาก็น้ำตาไหล

ตอนให้นมก็ยิ่งเจ็บมากนะ คิดว่าทำไมผู้หญิงทุกคนต้องทำด้วย นี่หรือคือความเจ็บที่ผู้หญิงเขาทนกัน เขาทนกันได้ยังไง เกิดมาไม่เคยสำออยไม่เคยร้องไห้ แต่พอนวดนม แล้วกลับไปนอนที่เตียง คือนอนร้องไห้ มันเจ็บ รู้สึกถึงความเป็นแม่ที่เสียสละและอดทน (ร้องไห้) ในหัวก็ยังรู้สึกว่า นี่เราทำเพื่ออะไรนะ แต่พอเห็นหน้าเขา นี่แหละ ทำเพื่อเขา”

เล่าทั้งน้ำตา รู้ซึ้งการให้ที่ยิ่งใหญ่ คือการให้กำเนิด และ พวกเราไม่ใช่ชีวิตลูก
“รู้แล้วว่า การเป็นแม่ มันไม่ง่ายเลย ในการเลี้ยงเด็กคนหนึ่ง 9 เดือนที่ท้อง คลอดออกมา หลังจากนี้ ก็ยาวไม่มีวันหยุดอีกกับความเป็นแม่ (หันไปหาแม่ตัวเอง) ขอบคุณแม่จริง ๆ ขอบคุณนะ มันไม่ง่ายเลย แต่เราก็ทำได้ มันต้องมีทั้งพลังใจ พลังความรัก มีเป้าหมายอะไรสักอย่างนึง เมื่อก่อนด้วยความที่เราเป็นคนรักตัวเอง แต่เราก็อยากจะมีครอบครัว อยากมีลูก อยากรู้ว่าวันนึง ลูกของเราจะหน้าตาเป็นยังไง พอได้เห็นจริง ๆ แล้วก็รู้สึกว่ามันคุ้มกับความเจ็บ ชีวิตนี้การให้ที่ยิ่งใหญ่ คือการให้กำเนิดอีกชีวิตนึง คือหลังจากนี้ เราตั้งใจเอาไว้ว่าไม่ว่าเขาจะเลือกอะไร เป็นอะไรยังไง เขาคือเจ้าของชีวิตเขา เราไม่ใช่เจ้าของ เราเป็นเพียงผู้ให้กำเนิดเฉย ๆ แล้วเราจะเป็นคนไกด์เขาเฉย ๆ สุดท้ายคือแล้วแต่เขา”

สุดท้ายต้องการบอกอะไรลูกว่า…
“เธอคือคนแรก ที่ฉันเต็มใจยอมที่จะเจ็บ ยอมเต็มใจที่จะไม่ได้นอน ยอมเต็มใจที่จะนั่งมองแล้วมีความสุข (ร้องไห้)… ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน”

ไฮโซม่านฟ้า

“ไฮโซม่านฟ้า” เตือนชาวเน็ตคิดก่อนพิมพ์ หยุดเม้าธ์เป็นไฮโซขายแบรนด์เนมปลอม ถ้าเกิดโดนฟ้องน้ำตาไม่ช่วย

“ไฮโซม่านฟ้า” พ้อแรง ไม่ใช่ไฮโซขายแบรนด์เนมปลอม ผ่านมาหลายเดือน ยังไม่มีผู้ใดช่วยแก้ข่าว ทำกระทบธุรกิจ เพราะคนเข้าใจผิดไปแล้ว

เวลานี้รู้แล้วคนทำเป็นใคร เตือนชาวเน็ตคิดก่อนพิมพ์ ถ้าหากโดนฟ้องน้ำตาไม่ช่วย กระเช้าไม่ร้บ ขอเป็นเงินสดเท่านั้น

เรียกว่าอยู่เฉย ๆ ก็งานเข้า สำหรับ “ไฮโซม่านฟ้า” หรือ “ดร. ม่านฟ้า อรปภัตร จันทรสาขา” ที่ถูกโยงว่าเป็นไฮโซ หลอกขายกระเป๋า แบรนด์เนมปลอม ที่ลูกทุ่งสาว “จ๊ะ นงผณี มหาดไทย” ออกมาเปิดโปง

โดยงานนี้ แม้จะผ่านมา เป็นเวลากว่า 3-4 เดือนแล้ว แต่ว่าก็ยังไม่มีผู้ใด ออกมาช่วยแก้ข่าวให้ ว่าไม่ใช่คนผิด ทำกระทบ กับธุรกิจที่ทำอยู่

“ความเข้าใจผิด เกิดขึ้นแล้ว แล้ว ณ ปัจจุบันก็ยังไม่มีผู้ใดออกมา แก้ข่าวให้ หรือมาบอกว่า ไม่ใช่เรา แต่ว่าก็จะต้องขอบคุณเพจ ๆ หนึ่งนะคะ ที่ได้มายืนยันแล้ว ว่าไม่ใช่ม่านนะ  เป็นท่านอื่น แต่กว่าที่เรื่องนี้ จะกระจ่าง ก็ผ่านมา 3-4 เดือน ได้แล้ว ก็อาจจะยังมีคนเข้าใจผิด เยอะอยู่ แต่ถ้าเกิดถามจริง ๆ ก็ชินแล้วเนอะ โดนบ่อยครั้งค่ะ”

ม่านฟ้า

โอดกระทบกับธุรกิจ เพราะว่าคนเข้าใจผิด “ไฮโซม่านฟ้า” ไปแล้ว

“ถ้าเรื่องกระเป๋า กระทบมากค่ะ เพราะก่อนหน้านี้ เราก็ทำกระเป๋า คนก็รับทราบ แต่ว่า อย่างที่ได้แจ้ง ตั้งแต่รอบที่แล้ว คือเราไม่ได้มีการขายกระเป๋า โดยตรงอยู่แล้ว เรารับซื้ออย่างเดียว ไม่ได้ขายนะคะ ถ้าการขายจะขายตรงไปที่ทางร้านค้า ก็กระทบเหมือนกัน เพราะคนถามเยอะ

แต่ส่วนใหญ่คนรู้จักเรา ก็ที่มาถามเรา เราก็จะได้แก้แค่คนที่รู้จักเรา แต่ว่าถ้าเป็นคนอื่น ที่ไม่ได้รู้จักเรา เราก็ไม่ได้แก้ เขาก็อาจจะเชื่อข่าวแรก ปกติคนไทยอ่านแล้ว คือเชื่อข่าวแรกเลย เขาพาดหัวยังไง ก็เชื่อแบบนั้น แต่ว่าข่าวที่แก้ ไม่มีคนดู แต่ล่าสุดก็มีเพจ ๆ หนึ่งออกมาแล้วก็พูดชัดเจน ว่าไม่ใช่เรานะ เป็นไฮโซอีกท่านหนึ่งค่ะ”

แอบไม่เข้าใจ เพราะอะไร หวยมาออกที่ตนเองตลอด

“แต่เราก็ไม่ได้ไปตามเลย ว่าคนที่ทำจริง ๆ เขาเป็นใคร เพราะความสัมพันธ์กับน้อง จ๊ะ อาร์สยาม ส่วนตัวเราไม่ได้รู้จักกัน มันข้ามเรื่องนี้ไปได้เลย แต่เราไม่ได้เจอเรื่องแบบนี้ ครั้งแรก เราเจอมาหลายครั้งมาก จนรู้สึกว่าหวยก็ต้องมาที่เราเนอะ ถ้าพูดถึงไฮโซ ที่มีเรื่องอะไรมา ต้องเป็นเราคนแรก อันนี้ก็แอบไม่เข้าใจเหมือนกันค่ะ

ตอนนี้ทราบแล้ว ว่าคนโกงคือผู้ใด แต่อาจไม่มีผู้ใดต้องการออกมารับสารภาพ

“ทราบค่ะ แต่ตามหลักการ ไม่มีใครยอมรับ ว่าตัวเองผิดหรอก แล้วก็ไม่มีใครออกมาปกป้องใครหรอก ทุกคนก็รักชื่อเสียงตัวเอง ไม่อยากให้ตัวเองเสียหน้า แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น อาจจะออกมานิดหนึ่งก็ได้ ว่าไม่ใช่เขา ไม่ได้เกี่ยวข้องกับเขา หรือว่าเจ้าตัวเอง อาจจะมีการไลฟ์ ว่าไม่ใช่เรา พอเรื่องมันเงียบ ก็เงียบถึงทุกวันนี้เลย ไม่รู้ว่าจะต้องตอบยังไง แต่คิดว่าคนทำผิด ไม่มีใครอยากออกมารับผิด ตอนนี้ก็ไม่แน่ใจ ว่าเขายังขายกระเป๋าอยู่ไหม”

เตือนให้คิด และคุมสติก่อนพิมพ์ เพราะเหตุว่า เวลานี้พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์แรงมากมาย น้ำตาไม่ช่วยอะไร กระเช้าก็หมดปีใหม่แล้ว

“อย่างแรกต้องบอกก่อนว่า เวลาเราอ่านข่าว หรืออะไรก็แล้วแต่ ณ วันนี้ เรื่องดราม่า เกิดขึ้นง่ายมาก แค่จากเพจ ๆ หนึ่ง หรือจากการพูดสื่อสาร ก็อยากให้ทุกคนมีวิจารณญาณ แล้วก็ใจเย็น ๆ ก่อน บางทีเราเข้าใจคนว่างเนอะ เขาก็จะมีเวลามานั่งพิมพ์ โซเชียลเยอะ ๆ จริง ๆ อยากให้มีเวลาศึกษาข้อมูลก่อน เพราะเดี๋ยวนี้พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ แรงนะ มีคนเคยถามว่า อยากฟ้องร้องไหม ซึ่งกรณีม่าน ก็เคยทำมาแล้ว ขอโทษขอโพยกันเยอะใหญ่เลย

ก่อนเขียนก็อยากให้ควบคุมสติกันนิดหนึ่ง อย่ารุนแรงมาก เพราะอะไรที่มันก้าวก่าย ในเรื่องของเราเยอะ ๆ หรือว่าไม่เป็นความจริง ก็หนักอยู่นะ เดี๋ยวนี้ก็เสียตังค์เยอะอยู่ สำหรับม่าน น้ำตาไม่ช่วยอะไรอยู่แล้วค่ะ เงินสดเท่านั้นที่ช่วยอะไรค่ะ (หัวเราะ)

กระเช้าก็ไม่เอา หมดปีใหม่แล้วนะ ถ้าอะไรที่เรารู้สึกว่ามันเกินไป แล้วก็กระทบต่อชื่อเสียงเรา และธุรกิจเรา ก็ต้องดำเนินการทางกฏหมาย แต่ก็อาจจะไม่ได้มาออกสื่อให้ได้เห็น อาจจะดำเนินการเงียบ ๆ โดยทีมทนายค่ะ

รายชื่อที่ลิสต์ไว้ตอนนี้ ยังไม่เยอะค่ะ เพราะส่วนใหญ่ จะเป็นการคอมเมนต์ ตามคอมเมนต์ แรกมากกว่า คืออะไรที่ไม่ได้เดือดร้อนกับเรามาก เราก็อาจจะไม่ได้ทำอะไรค่ะ เพราะอยู่มาปีนี้น่าจะปีที่ 8-9 แล้วในวงการ เลยเริ่มเข้าใจแล้ว แต่ไม่อยากให้คอมเมนต์ ในทางเสียหาย เพราะหลายครั้งที่เราตกเป็นจำเลย โดยที่เราไม่รู้ตัว ไม่เกี่ยวข้อง ไม่ได้รับรู้อะไรเลยค่ะ ก็อยากให้เห็นใจกันนิดหนึ่ง เราก็พยายามไม่อยู่หน้าสื่อมากแล้ว อยากไปอยู่ข้างหลังเยอะ ๆ แล้ว ก็อยากให้เข้าใจดาราด้วยค่ะ”

นิวเยียร์ เจ๋อ

“นิวเยียร์-เจ๋อ” จับคู่ซีรีส์วายเป็นเรื่องแรก แนวโรแมนติกดราม่า “รักชอบเจ็บ Hit Bite Love The Series”

จากกระแสการตอบรับดี กับซีรีส์วายแนว โรแมนติก ดร่าม่า อย่างซีรีส์เรื่อง รักชอบเจ็บ Hit Bite Love The Series ทางช่องอมรินทร์ทีวี 34 ทุกวันเสาร์ เวลา 22.30 น. ผลิตโดย บริษัท จินเล่อ มีเดีย เวิร์ค จำกัด แสดงนำโดย เจ๋อ วศิน ไตรประคอง ในบท เบอร์เกอร์, นิวเยียร์ นวพรรษ ธนมงคลสวัสดิ์ ในบท คิง, เต้ ณัฐภัทร มีสุข ในบท เซนต์, วิค วิธวินท์ พาณิชย์ธำรง ในบท ฮีด้า, บิ๊กบอส วรพล เจริญสุข ใบบท โชกุน, อลัน อลัน คัมปานา ในบท มัตเตโอ้ รวมทั้ง เพียว ณพลพงศ์ สุขสมบัติ ในบท เคน ซึ้งเป็นผลงานของผู้กำกับฝีมือยอดเยี่ยมอย่าง “จักรพงค์ พชรก์ (หยวน)” ที่ดึงดาราหนังมากมายความสามารถอย่าง “บุ๊คโกะ ธนัชพันธ์ บูรณาชีวาวิไล” เสริมทัพ เลยชวน “นิวเยียร์” และ “เจ๋อ” มาพูดคุย เริ่มจาก

ความรู้สึกภายหลัง ซีรีส์มีกระเเสตอบรับมาดี พวกเรารู้สึกยังไงบ้าง?
นิวเยียร์ “ก่อนอื่นต้องบอกก่อนเลยนะครับว่าดีใจมาก ๆ ที่ทุกคนให้ความสนใจกับซีรีส์เรื่องนี้ และก็ไม่คิดว่าซีรีส์เรื่องนี้จะมีกระแสตอบรับที่ดีขนาดนี้ และทุกคนให้ความสนใจเยอะมาก ตอนแรกผมเองก็ไม่คิดว่าคนดูจะเยอะขนาดนี้ต้องขอบคุณทุกคนที่เข้ามาดูมาก ๆ นะครับ พอมีกระแสตอบรับที่ดี มันเหมือนความเหนื่อยได้หายไป เพราะผมและทุกคนทำเต็มที่มาก ๆ เพื่อให้ผลลงานออกมาดีที่สุด”

เจ๋อ “โอ๋ สำหับผม ผมรู้สึกว่าเกินความคาดหวังมาก ๆ เลยครับ และด้วยความที่ซีรีส์เรื่องนี้เป็นเรื่องแรกของผมด้วย ทำให้พอกระแสตอบรับมาดี ผมก็รู้สึกมีกำลังใจเยอะขึ้น ผมรู้สึกว่าเป้าหมายหลักของการเป็นนักแสดงก็คือได้เห็นว่าผลงานของตัวเองเป็นที่ชื่นชอบของคนดู แค่นี้ก็มีความสุขแล้ว และยิ่งมีฟีดแบ็กในทางที่ดีกลับมาทั้งในทวิตเตอร์ อินสตาแกรม ก็ทำให้เห็นถึงความประทับใจที่เค้ามีต่อเรา ซึ่งตรงนี้ก็ทำเราก็ได้รับพลังเยอะขึ้นไปอีก”

เจ๋อ นิวเยียร์

แล้ว นิวเยียร์ กับ เจ๋อ มีเขินกันบ้างมั้ย เวลาจำเป็นต้องเข้าซีนที่ฟิน ๆ จิกหมอนร่วมกัน?

นิวเยียร์ “(หัวเราะ) สำหรับผม ผมชอบหลุดขำซะมากกว่าครับ เพราะ เจ๋อเขาเป็นคนที่เวลาเข้าซีนด้วยเขาจะเป็นคนตลก แต่ตลกของเขาคือ ความน่ารักที่มาโดยธรรมชาติ (ยิ้ม) เหมือนว่าเขาไม่ได้ตั้งใจที่จะทำตัวให้ตลกนะ แต่ผมนี่แหละที่ชอบขำเขาเอง….ก็น่ารักดี แต่ถ้าถามว่าเขินมั้ย ถ้าให้พูดตรง ๆ เลยก็มีเขินครับ เพราะด้วยความที่เวลาเข้าซีนด้วยกัน ก็จะต้องมีซีนที่ต้องอยู่ใกล้กัน หรือกอดกัน กลายเป็นว่าสิ่งเหล่านี้กลับเป็นความรู้สึกที่เขินขึ้นมาโดยที่ผมเองก็ไม่รู้ตัว (ยิ้ม)”

เจ๋อ “ก็ต้องมีเขินกันบ้าง (หัวเราะ) แล้วยิ่งตอนถ่ายมีคนเยอะๆมานั่งดูเราเล่นก็ยิ่งเขินนะ แต่เราพยายามหาวิธีที่จะจัดการความเขินออกไป อย่างก่อนจะเข้าเลิฟซีน ผมก็มีคุยกับนิวเยียร์ก่อน หรือ ลองแสดงด้วยกันก่อน เพื่อให้ถึงเวลาเข้าซีนจะได้ไม่ต้องเขินกันเยอะ แต่สรุปผมก็เขินเขาอยู่ดี ที่ซ้อมมาไม่ได้ช่วยอะไรเลย (หัวเราะ)”

ก่อนถ่ายทำ เรามีคุยกันบ้างมั้ย?
นิวเยียร์ “มีคุยกันครับ เพราะว่าการที่เราได้คุยกันหรือซ้อมบทด้วยกันก่อนถ่าย มันสามารถช่วยให้ทำงานง่ายขึ้นมาก ๆ ทั้งตัวนักแสดงเองและทีนงานในกอง”

เจ๋อ “คุยกันครับ จริง ๆ พอผมได้คุยกับนิวเยียร์ตั้งแต่รู้บทบาทของตัวละครและรู้ว่าผมต้องเล่นคู่กับนิวเยียร์แล้วครับ ว่าเราจะต้องเล่นกันยังไง วางตัวในการเล่นยังไงบ้าง แล้วพอเปิดกล้องมา ก่อนเข้าซีนทุกครั้งเราสองคนก็มีการคุยกันทุกซีน ยิ่งในซีนที่ต้องเล่นจิ้น ๆ กัน เราสองคนจะคุยกันตลอดว่า เราจะต้องจับมือกันยังไง วางมือยังไง หรือถ้ามีการต้องกอดกัน หรือหน้าใกล้กันประมาณนี้ จะโอเคมั้ย

เราสองคน สนิทกันขนาดไหน?
เจ๋อ “ก็ค่อนข้างที่จะสนิทกันครับคือผมกับนิวเยียร์เราจะคุยเเละเล่นกันบ่อย เราเลยค่อนข้างจะสนิทกันง่าย
เเล้วพอถึงเวลาได้เข้าซีนมันเลยทำให้ผมแสดงออกมาอย่างไม่กังวลและไม่เกร็งมากครับ”

นิวเยียร์ “(หัวเราะ) สนิทกันนะครับ ด้วยความที่เจ๋อเขาเป็นคนขี้เล่น เข้าหาง่าย ทำให้สบายใจเวลาเราได้คุยกัน พอคุยกันเยอะมากขึ้น ทำให้เราสองคนเริ่มค่อนข้างที่จะสนิทกัน และคุยกันเยอะสุดในกองครับ(ยิ้ม)

มีซีนที่ชื่นชอบเป็นพิเศษไหม?
นิวเยียร์ ”ชอบตอนเลิฟซีนครับ(หัวเราะ) ล้อเล่น ผมชอบซีนที่เจ๋อต้องทำตัวเด๋อ ๆ ซน ๆ ขี้เล่นซึ่งคาเรคเตอร์มันเหมาะกับเค้ามาก ดูน่ารักดีครับ เจ๋อทำให้ผมหลุดยิ้มอยู่หลายครั้งเหมือนกัน ตอนที่เข้าซีนด้วยกัน ที่หลายคนเห็นผมยิ้ม บอกเลยว่าบางที ที่ผมยิ้มไม่ได้เกี่ยวกับบทนะแต่หลุดยิ้มเพราะเจ๋อจริง ๆ”

เจ๋อ “สำหรับผม ผมชอบซีน โรงอาหาร ที่นิวเยียร์ มาสารภาพรัก รู้สึกว่าซีนนั้นตลกตัวเองมาก (หัวเราะ) ที่ทำท่าทางและเสียงตกใจแบบโอเวอร์มาก ก็ตลกดี แต่รวม ๆ ก็คือชอบทุกซีนที่มีนิวเยียร์(ยิ้ม) เพราะว่าเราคุยกันบ่อย ทำให้เวลาเล่นด้วยกันมันเข้ากันได้ง่าย และรับส่งอารมณ์กันได้ดี

พวกเรามีความรู้สึกอะไร ที่ต้องการบอกผู้กำกับบ้าง?
นิวเยียร์ “โหดมากครับ(หัวเราะ) พูดเล่นครับ พี่หยวนเป็นคนให้ความสำคัญงานและจะจริงจังในการทำงานมากครับและพี่หยวนก็เก่งมาก ๆ ด้วย แต่เวลาไม่ได้ทำงานพี่หยวนน่ารักมากครับ เป็นกันเองสุด ๆ ชวนคุยตลอด บางครั้งคุยเล่นบ้าง บางครั้งก็จะเเทรกความรู้ เทคนิคการแสดงมาในบทสนทนาบ้าง สุดท้ายก็อยากขอบคุณพี่หยวนที่มอบโอกาสครั้งนี้ให้ผมครับ”

เจ๋อ “พี่หยวนเป็นคนเก่งมากครับ ผมติดตามและเห็นผลงานการกำกับของพี่หยวนอยู่แล้ว เเละพอมีโอกาสได้มาร่วมงานกับพี่หยวนผมรู้สึกตื่นเต้นมากครับ เรื่องการทำงานพี่หยวนเป็นคนเข้มงวดเเละละเอียดมาก หลายครั้งตอนถ่ายทำพี่หยวนสามารถอธิบาย ความรู้สึกของตัวละครหรือซีนนั้น ๆ ให้เราเข้าใจมากที่สุดเพื่อส่งอินเนอร์ให้เราเเสดงออกมาให้ดี”

ความรู้สึกหลังจากที่เราถ่ายซีรีส์เรื่องนี้จบ เป็นยังไงบ้าง?

นิวเยียร์ “ก็รู้สึกว่า สบายใจขึ้นมาก ๆ และเป็นซีรีส์ที่ผมรู้สึกภูมิใจในตัวเองมาก ๆ เพราะตลอดระยะเวลาที่ถ่ายทำกันมา ผมมีความตั้งใจ และทำเต็มที่มาก ๆ เพื่อให้มันออกมาดีที่สุด และให้คนดูประทับใจในผลงานของผมมากที่สุดครับ

เจ๋อ “สำหรับผม ความรู้สึกแรกหลังจากที่ถ่ายซีรีส์จบ คือคิดถึงทุกคนมากครับ คิดถึงบรรยากาศการออกกอง ผมรู้สึกว่าเป็นช่วงเวลา อีกเวลานึงที่ดีมากๆสำหรับผม ได้เจอกับคนหลากหลายคน ได้รู้จักทุกคนมากขึ้น ซึ่งตรงนี้เป็นอะไรที่ผมประทับใจมาก ๆ ในการออกกอง แล้วพอถ่ายซีรีส์เสร็จและมานั่งดูผลงานของตัวเองก็รู้สึกภูมิใจในตัวเองมาก ๆ ที่ตัวเองก็พยายามทำออกมาได้เต็มที่ ที่สุดครับ”

แหล่งข้อมูล: World Population Review
ผู้แสดงศิลปิน : #jurkung #jurvasin #newyearnawapat
รูปภาพที่เอามาจากซีรีส์เรื่อง #รักชอบเจ็บ #HBLtheseries #HitBiteLove #我初初爱你 #泰剧我初初爱你

 

ตั๊ก บงกช

นางเอกในตำนาน ถูกเม้าท์ดัง เพราะเหตุว่าเต้าไต่ เคลียร์ข่าวหมั้นสายฟ้าแลบเจ้าสัวพันล้าน

เป็นนางเอกที่ครบเครื่อง ไม่แพ้ผู้ใด สำหรับ ตั๊ก บงกช ทั้งเรื่องความสวยงาม การดูแลตนเอง มีความซื่อสัตย์ ในอาชีพนักแสดง ของเขา และยัง ทำหน้าที่คุณแม่ รวมถึงหน้าที่ภรรยา ได้อย่างดีเยี่ยม แถมช่วงนี้ซีรีส์ เมียหลวง ที่ตั๊กได้คัมแบ็ก กลับมารับเล่น ในบทบาทของ ดร.วิกานดา พูดได้ว่ากระแสดี ดังทั้งในประเทศ รวมทั้ง ต่างประเทศ จนจำต้อง จุดพุลกันเลยทีเดียว

ปัจจุบันเธอได้มาเป็นแขกรับเชิญ คนพิเศษในรายการ Club Friday Show พร้อมเปิดเรื่องราวในชีวิต พร้อมทั้งเผยความรัก แบบทุกซอกทุกมุม ในใจ เมื่อพบข่าวเม้าท์ ถูกกล่าวหาดังเพราะว่าเต้าไต่ กระทั่งคุณแม่ พร้อมปะทะ เพื่อลูกสาว และก็ เมื่อใดก็ตามตั๊กมีแฟน จะขี้หึงหวงมาก! รวมทั้ง ยังอยู่ด้วยยากอีก ถึงขั้นผู้ชายเคยบอก เธอสวยนะ แต่อยู่ด้วยไม่มีความสุข ในที่สุดคุณบุญชัยก็เข้ามา ในชีวิตตั๊ก พร้อมเผย เหตุหมั้นสายฟ้าแลบ !! หมั้นคราวนั้น เพื่อกู้หน้า ยอมรับหึงแหลกคุณบุญชัย! พร้อมโทรจัดการผู้หญิงทุกคน ที่เข้ามายุ่ง วินาทีหลั่งน้ำตา เมื่อตั๊กถึงกับโทษตัวเอง ที่จะต้องสูญเสียคุณแม่ ในวันเกิด! ด้วยเหตุว่า เธอให้ปั๊มหัวใจแม่ ทำให้แม่ทวารแตก!

ตั๊ก บงกช นางเอกในตำนาน

ณ วันนั้น ก็คือมีคนมาบอกว่า ดังก็เพราะว่าใช้ ??

ตั๊กบงกช : เต้าไต่ ตั๊ก โมโหมากเลย ตอนนั้น ตั๊ก ก็ลงแม่เลยบอกว่านี่ !! แม่เห็นยัง เห็นเส้นทาง ที่แม่เลือกไหม

และ คุณแม่เอง ที่อยู่ด้านหลังนั้น ก็พร้อมที่จะปะทะทุกคน ที่มาว่าลูกสาว

ตั๊กบงกช : แม่ก็ขึ้นไปถาม ใครอยู่คอลัมน์นี้ ด่าลูกฉันอย่างนี้ได้อย่างไร มันเป็นความโกรธ ที่อยู่ข้างใน พร้อมที่จะระเบิดทุกครั้ง ที่ใครมาถามเร าถึงเรื่องนี้

จริงไหมที่ ตั๊กบงกช มีคู่รัก แล้วจะขี้หึงหวงมาก ??

ตั๊กบงกช : แม่จะบอกเราตลอด เขาไม่ได้รักเราจริงหรอก แกก็เห็นไม่ใช่เหรอ มันไม่มีจริงหรอก ความรัก ทุกครั้งที่ ตั๊ก มีแฟนเราจะขี้หึงมาก ภาษาแม่ ที่ตั๊กคบ นักร้องอย่างนี้ที่ผ่านมา ตลกอย่างนี้ ฉันถามเธอหน่อย น่าหึงไห มคนที่เข้ามาจีบเรา ก็เยอะมากมาย แต่คบแค่ไม่นาน คือเราเป็นคนที่อยู่ด้วยยาก คนจีบเราเขาบอกเธอสวยนะ แต่พี่อยู่ด้วย แล้วพี่ไม่มีความสุขเลย

พี่อั๋น : นี่เคยมีคนพูดกับ ตั๊ก แบบนี้เหรอ (ตั๊ก กระซิบบอกพี่อั๋น)

แต่ที่สุด คุณบุญชัย ก็เข้ามาในชีวิต “ตั๊ก บงกช” ??

ตั๊กบงกช : เขาก็บอกว่า พี่เพิ่งหย่ามาได้ 2 ปีแล้ว ตอนนี้ก็คือ โสด

เปิดตัวว่าคุยกันไม่นาน แล้วหลังจากนั้นก็หมั้นเลย ??

ตั๊กบงกช : เป็นเรื่องเข้าใจผิดค่ะ เป็นภาพหลุด ก็มีดราม่าอีกว่าเป็น เด็กเสี่ยเลี้ยง (ก็มีคนเม้าท์เรา) เขามีภรรยามาแล้ว ไปแย่งเขามาหรือเปล่า คุณบุญชัย ก็บอกว่า เสียเหมือนกันนะเนี่ย พี่ว่าเราหมั้นกันก่อนดีกว่า ตั๊กก็บอกว่าหมั้นไม่ได้ ถ้าหมั้นแล้วถอนหมั้นทำอย่างไร

วันที่หมั้น ใจไม่อยาก ??

ตั๊กบงกช : ทั้งสองคนแหละ!! ไม่อยากหมั้น แต่ที่ต้องหมั้น ก็เพราะกอบกู้หน้าค่ะ

ณ วันนั้นเอาจริง ๆ นะ รักมากพอ จะมั่นใจไหม

ตั๊กบงกช : ยังไม่เรียกว่า รักมากพอค่ะ เพราะพึ่งคบกัน

ตั๊กบงกช ตลอดชีวิตก่อนหน้านี้ที่ผ่านมา เป็นคนขี้หวงมาก แล้วกับคุณบุญชัย หึงไหม ??
ตั๊ก บงกช : หึงแหลกมาก !! ค้นของ ค้นกระเป๋าตังค์ แล้วมีล่าสุด ผู้หญิงเขาโทรมา ก็บอกเขาไปตรง ๆ ว่าพร้อมออกสื่อไหม ถ้าไม่พร้อมก็ ช่วยกรุณา เลิกมายุ่ง

ในช่วงที่สูญเสียคุณแม่ ถึงกับโทษตัวเอง เพราะอะไร ???

ตั๊กบงกช : แม่ไม่มีกระโหลกครึ่งหนึ่ง ตั๊ก รับไม่ได้ก็เลยไปโกนหัวบวช

ท้ายที่สุดแล้ว คุณแม่จากไป

ตั๊กบงกช : ในวันเกิดของตั๊ก วันที่ 15 เมษายน ทางแพทย์ก็ถามว่า จะให้ปั๊มหัวใจไหม ด้วยความที่ตั๊ก รักตัวเอง รักความรู้สึกตัวเอง ก็บอกไปว่าให้ปั๊ม การปั๊มหัวใจแม่ทำให้แม่ทวารแตกเลือดออก (ร้องไห้) คือตั๊ก ก็เลยโทษความผิดมาที่ตัวเราเอง อีกถ้าชาติหน้ามีจริงอยากเกิดมาฉลาดกว่านี้

เอ๋ อัจฉรา

"เอ๋ อัจฉรา" หลายโรครุมเร้า ไต-หัวใจวายเฉียบพลัน เปิดใจรอดชีวิตปาฏิหาริย์

อดีตนางเอกจักร ๆ วงศ์ ๆ เอ๋ อัจฉรา เปิดใจหนแรก หลังจากป่วยเป็นมะเร็งเม็ดเลือดขาว ทรมานจนกระทั่งไม่อยากตื่น ปัจจุบันรอดตายปาฏิหาริย์จากอาการหัวใจวายเฉียบพลัน และก็ไตวายเฉียบพลัน อาการหนักถึงขนาดตาบอด แล้วก็อะไรที่ทำให้เจ้าตัวกลับมาดำเนินชีวิตปกติได้ ผ่านทางรายการคุยแซ่บ Show ทางช่องวัน31 ที่มี เบนซ์ พรชิตา แล้วก็ บูม สุภาพร เป็นพิธีกรดำเนินรายการ

ได้ยินข่าวมาว่าพี่เอ๋ป่วย ย้อนกลับไปมีโรคอะไรบ้าง?

เอ๋ : เริ่มตั้งแต่เป็น SLE ก่อน เท่าที่รู้กันเราไม่สามารถหาสาเหตุมันได้ แต่เป็นโรคที่สามารถกระทบกับทุกส่วนของร่างกายได้ แล้วมันก็ขึ้นสมอง ทำให้เส้นเลือดสมองตีบ ผ่าสมอง แล้วมันมาเกาะที่หัวใจ ทำให้หัวใจหัวใจวายเฉียบพลัน เราก็ต้องใส่ขดลวดหัวใจ ล่าสุดก็คือลงไต

พี่เอ๋รู้ตอนไหนว่าเป็น SLE?

เอ๋ : ตอนนั้นที่ถ่ายแบบเยอะๆ ที่ประตูน้ำ มันก็ 20 กว่าปีแล้ว ตอนนั้นพี่เริ่มเป็นปีกผีเสื้อ เป็นผื่น ตอนอรกคิดว่าแพ้แดด แต่พอมันเป็นหนักขึ้นเริ่มปวดตามข้อ ข้อเริ่มบวม ก็เริ่มไปตรวจหาสาเหตุที่ละเอียดขึ้นถึงได้เจอว่าเป็น SLE ซึ่งตอนนั้นก็ไม่รู้หรอกว่า SLE คืออะไร แต่รู้ว่ามันเป็นโรคพุ้มพวง แพ้ภูมิตัวเอง

สิ่งที่เราต้องดูแลตนเองในช่วงเวลานั้นอย่างไรบ้าง?

เอ๋ : ตอนนั้นยังไม่น่ากลัวแค่รู้ว่าเป็นผื่น แต่พออยู่นานไปมันมีผลกระทบต่อไต ต่อสมองทำไมเราหันไม่ได้ ทำไมเลือดไหลออกทางหู ทำไมเลือดกำเดาไหลตลอด ทำไมข้อถึงบวม

เรากินยาให้ไม่เป็นได้ไหม หมายความว่าลดภูมิ?

เอ๋ : ไม่ได้ โรคนี้ไม่สามารถรักษาหายได้ แต่มามารถทำให้มันสงบได้ เพราะฉะนั้นเราต้องดูแลตัวเองมากๆ เพื่อให้โรคมันสงบ

ในตอนที่ทราบว่าตนเองเป็น จนเริ่มลามไปที่อื่น ๆ มันใช้เวลาขนาดไหน เราดูแลรักษาอย่างไร?

เอ๋ : ก็ดูแลตามที่หมดว่า แต่ด้วยความที่เป็นช่วงเราหสเงินได้เยอะ อะไรที่เป็นเงินทำหมด นอนน้อย นอนในรถตู้ ถึงเวลาขึ้นเวทีเราขึ้นเวที ว่าจะเสร็จตี 2-3 แล้ว 7 โมงเช้านัดกองถ่ายละคร ตอนเย็นแคทวอร์ก เดินแบบ ถ่ายแบบ ดูแลตัวเองน้อยมาก

เอ๋ อัจฉรา ป่วย

แล้วอาการอื่น ๆ เริ่มจากที่รู้ว่าเป็น SLE พอมันเริ่มไปที่หัวใจ ไปสมอง ไต เป็นกี่ปี?

เอ๋ : พอมันเป็นเยอะ เราต้องให้เลือด เม็ดเลือดขาวมันจำเม็ดเลือดแดงไม่ได้ มันก็จะกิน พอมันกินกัน เราก็ต้องให้เลือดพอให้เยอะๆ เชื้อโรคแฝงที่อยู่ในเลือดมันไปกระตุ้นมะเร็ง ทุกคนมีเชื้อมะเร็งหมดเลย แล้วเผอิญพี่แจ็คพอร์ตหน่อย ไปเจอเชื้อโรคที่มันเป็นเชื้อแฝง มันกระตุ้นมะเร็งขึ้นมา กลายเป็นมะเร็งเม็ดเบือดขาว ในขณะรักษามะเร็ง มันก็ขึ้นสมอง ทำให้เส้นเลือดก้านสมองมันตีบ หันไม่ได้ มีเลือดกำเดาไหลตลอด ตอนแรกเข้าใจว่าเราตกหมอน ปวดคอ จน 1-2 วันเริ่มมีเลือดกำเดาไหลมากขึ้น มีเลือดออกที่หู ถึงได้ไปตรวจ หมอบอกว่าเกิดจาก SLE ก็เลยผ่าตัดสมองด้วยการเลเซอร์ และหลังจากนั้นเกร็ดเลือดต่ำ มันไปกินเกร็ดเลือด หลังจากที่เรารักษามะเร็งแล้วต้องให้ยา ให้เลือด ทำคีโม เกิดการแพ้อะไรอย่างนี้ พอแพ้เขาก็ให้เม็ดเลือด กลายเป็นกินเม็ดเลือด พอเม็ดเลือดเราน้อย ปกติคนเรามีเม็ดเลือด 150,000-450,000 แต่ของพี่เหลือประมาณ 9,000 เขาเลยจำเป็นต้องตัดม้าม ตัดไส้เมตรกว่า

หมอได้บอกไหมว่าตัดเพราะเหตุไร?

เอ๋ : เอาเขาออกไป เพื่อเกร็ดเลือดเราคงที่ พี่ก็ไม่รู้เหมือนกันว่าระบบมันเป็นยังไง แต่คุณหมอบอกว่ามันเป็นทางเลือกสุดท้าย

2 ปีที่ผ่านมาก็มีภาวะซ้อนขึ้นมาอีก ไตวาย?

เอ๋ : ไตวายเฉียบพลัน กับหัวใจวายเฉียบพลัน พร้อมกัน คือมันไม่ได้มีอาการแบบเธอกำลังตัวร้อนนะ กำลังเป็นไข้นะ ไม่มีเลย เข้าห้องน้ำตี3 กว่า คือล้มไปหลังจากนั้นไปรู้สึกตัวอีกทีที่โรงพยาบาล เขาปั๊มหัวใจแล้วฉีดยากระตุ้นถึงได้รู้สึกตัว แล้วทำขดลวด แล้วหลังจากนั้นก็ย้ายไปสถาบันไตภูมิ เพื่อไปฟื้นไต ให้ไตทำงาน ตอนนั้นบวม 78 กิโล มันไม่ขับออก ร่างกายตรงไหนที่มีรูจะมีท่อหมดเลยยกเว้นหู ส่วนที่ไม่มีท่อก็โดนเจาะให้ ให้อาหารทางสาย ฟอกไต กระตุ้นไต มันจะมีช่วงนึงที่กลับมาอยู่บ้านแล้ว เวลาออกไปไหนหลายคนถาม ท้องเหรอ กี่เดือน ก็เลยให้ดู เลย มันบวมน้ำ

ใช้เวลารักษาที่ไตวาย หัวใจวาย นานไหม?
เอ๋ : 19 สิงหาคม ปี 64 จนถึงต้นเดือนพฤศจิกายน 3 เดือนที่อยู่บนเตียงไม่ได้ไปไหน ใช้แพมเพิสเป็นห้องน้ำ

ช่วงที่รู้สึกตัวที่โรงพยาบาล อย่างแรกที่คิดคืออะไร?

เอ๋ : รู้สึกตัวตอนไหนไม่รู้ แต่ช่วงที่คุมสติได้ สิ่งแรกที่เห็นคือลูก ซึ่ง ณ วันนั้นเขาไม่ได้อยู่ตรงนั้น เขาอยู่นิวซีแลนด์ แต่ภาพที่มันปรากฎที่เราลืมตาขึ้นมา จำสติตัวเองได้ภาพแรกที่เห็นคือลูก ตอนนั้นน้องก็รู้ น้องจะอยู่กับพี่แทบจะ 24 ชม. จะมีโทรศัพท์สแตนบายอยู่เครื่องนึงตั้งให้เขาดู พอพี่ไม่พลิกตัว หรืออยู่ในท่านั้นนาน เขาจะโทรหาเพื่อนที่เฝ้าให้ช่วยดูแม่หน่อย

ในเวลาที่พี่นอน 3 เดือนกว่า พี่คิดอะไร พี่ผ่านตรงนั้นมาได้ยังไง?

เอ๋ : กำลังใจจากคนรอบข้างมันก็สำคัญเนาะ แต่ความเข้มแข็งของตัวเองมันสำคัญที่สุด ด้วยเหตุและผลที่เรามีลูกด้วยมั้ง แล้วเรายังมีคุณแม่ที่อายุมากแล้ว แล้วท่านก็ไม่สบาย เป็นอัลไซเมอร์ เป็นสโตรกด้วย มีความห่วงตรงนั้นด้วย รู้สึกว่าเราเกิดมาเพื่อใช้กรรม เราคิดอย่างนั้นดีกว่าไหม ทุกคนไม่มีใครสมบูรณ์ ทุกคนมีทุกข์ มันอยู่ที่ว่าเราบริหารทุกข์ยังไง ด้วยโรค ด้วยอะไรยังไงพี่น่าจะจากโลกนี้ไปก่อนทุกคน เพราะฉะนั้นการเตรียมตัวของพี่มีทุกเวลา มีคิดทุกเวลา มันก็พร้อมแล้วนะ อีกอย่างหนี้สินไม่มี ลูกก็โตแล้ว แต่ด้วยวาระกรรมเราเลือกที่จะไปยังไม่ได้ ฉะนั้นช่วงเวลาที่อยู่ตรงนี้ทำยังไงก็ได้ให้ยิ้มได้มากที่สุด หัวเราะได้มากที่สุด เสริมสร้างความสุขให้คนรอบข้างได้มากที่สุด

อัปเดตนิดนึงในบรรดาทุกโรค?

เอ๋ : ไต หัวใจ เบาหวาน ความดัน

ขดลวดในหัวใจมีกี่เส้นแล้ว?

เอ๋ : 2 เส้น ถ้ามีอีกเส้นหมอบอกคงจะต้องผ่า ส่วนไตตอนนี้ก็กินยาอยู่ มะเร็งเม็ดเลือดขาวก็กินยาคุมอยู่ ภาวะเบาหวานก็กินยาอยู่

อะไรที่ทำให้พี่ยิ้ม คุยเล่น ทำเสมือนฉันไม่มีโรคเลย?

เอ๋ : ยอมรับความจริง ปล่อยวาง การบริหารความจริง อ่อ มันเป็นเช่นนั้นเอง รู้จักมันให้ได้ บริหารความทุกข์ให้เป็น แล้วเป็นสุขเอง เมื่อก่อนพี่ใจร้อนไม่ค่อยยอมใคร เดี๋ยวนี้มีความรู้สึกว่าเขาเป็นของเขาแบบนั้น เราก็ปล่อยเขาไป

ขณะนี้จำต้องดูแลตัวเองอย่างไร ความคิดเปลี่ยนไปจากเดิมเลยไหม?

เอ๋ : ต้องดูแลตัวเองมากเป็นพิเศษบางวันเห็นพี่อย่างนี้ไม่แน่ตื่นมาบวม หน้าเบี้ยว ถ้าเรานอนบนหมอนแล้วหน้าเราบวมขึ้นมามันก็จะเป็นพระจันทร์ครึ่งเสี่ยว ต้องดูแลตัวเองมากตรงนี้ 1.กินยาตรงเวลา 2.ออกกำลังกายเท่าที่ออกไหว พีกผ่อนเพียงพอ ไม่เครียดรู้จักปล่อยวาง

ยังต้องคุม SLE อยู่ด้วยใช่ไหม?

เอ๋ : ใช่อันนี้สำคัญ ยังต้องกินสเตรอย ต้องให้ยาเคมีอยู่เป็นระยะๆ

อีกสิ่งที่พี่เอ๋ ต้องการทำปัจจุบันนี้คือใส่ชุดว่ายน้ำ?

เอ๋ : ไม่ได้แล้ว อย่าให้เปิดมานะ แผลผ่าตัดเป็นแผ่นที่ประเทศไทยเลย

อดีตนางเอกจักรๆวงศ์ๆ เอ๋ อัจฉรา

พี่ เอ๋ อัจฉรา ป่วยหนักถึงกับขนาดตาบอด?

เอ๋ : มันขึ้นตา มันมีภาวะน้ำตาลด้วย พอ SLE มันมา พี่ก็ไม่รู้ว่าระบบของเชื้อโรคมันเป็นยังไง มันเริ่มจากตาบวม สักพักจมูก ปากเริ่มบวม ในขณะที่ตากับจมูกเริ่มบวม ตามันก็จะมองไม่เห็น จะค่อยๆ บอด โดยที่มันไม่มีแผล ที่เรารู้จัก เพชรชรา เราไม่รู้เลยถ้าเราเจอท่าน เขามองกันอย่างนี้ แต่จริงๆ แล้วเขามองไม่เห็น พี่ก็เหมือนกัน มองอะไรไม่เห็น ทุกอย่างมืด นั่นแหละที่พี่ทำใจไม่ได้ แล้วเราจะได้เห็นลูกเหรอ คือมองไม่เห็นเลย

มันเป็นภาวะ 6 ชั่วโมง ครึ่งวัน หรือมันเป็นแบบนั้นอยู่หลาย ๆ วัน?

เอ๋ : ตอนมันบวมก็ยังไม้ได้คิดอะไรมาก แต่พอเริ่มรู้สึกตัวว่าเราเริ่มมองไม่เห็นแล้ว พี่ไปหาหมอเร็ว

หมอรักษาอย่างไร?

เอ๋ : เขาฉีดยาเข้าไปในตาเลย เหมือนในตาขาดอ็อกซิเจนด้วย ทุกอย่างก็รีบไปกระตุ้นตา ตอนเขาทำเราก็รู้สึก แต่เขามียาชา เหมือนผ่าตัด บอลลูนหัวใจพี่ก็ไม่ได้วางยาสลบนะคะ แค่บล็อกหลัง แค่รู้ว่าขั้นตอนมันเป็นอย่างนี้

พอฉีดปุ๊บ มันดีขึ้นเลย หรือจะต้องใช้เวลา?

เอ๋ : ไม่ๆ เกือบเดือน

ที่ไม่สามารถมองเห็นเกือบเดือน เวลานี้ทำยังไง?

เอ๋ : มีพี่เลี้ยง มีเพื่อนที่คอยดูแล แล้วก็โทรคุยกับลูก คุยกับแม่ แม่ก็จะมาเยี่ยมมาดูแล อยู่ใกล้หมอมากเลย เพราะพี่กลัวตาบอดมาก

อันนี้รู้สึกแย่ที่สุด?

เอ๋ : ใช่ๆ เพราะตัดม้าม ทำอะไรเราไม่เห็น มันอยู่ข้างใน แต่เราสามารถมองเห็นความสวยงามของโลกนี้ได้ เราใช้ตา เราใช้การมองเห็น พี่คิดว่าสายตาสำคัญ มันไม่เห็นอะไรแล้วมันเป็นภาระคนอื่น

คุณหมอบอกว่ากลับมาเหมือนเดิมแน่นอน หรือเราคิดว่าไม่น่าจะ?

เอ๋ : คุณหมอบอกว่ามันกลับมามองเห็นนะ แต่ไม่เหมือนเดิม 100% ให้ทำใจ ถ้าโชคดี ไม่ดื้อหมอให้ยาตรงเวลา ก็จะดีขึ้น

มีแอบคิดเผื่อไหมว่าจะมองไม่เห็นไปตลอด?

เอ๋ : พี่ไม่เคยท้อนะ พี่ไม่คิดมาก เป็นคนคิดบวก ถึงจุดจุดหนึ่งจะรู้สึกว่าไม่มีอะไรสำคัญเท่าการมีสุขภาพที่แข็งแรง ถ้าวันหนึ่งพี่ตาบอดพี่เลือกที่จะตายดีกว่า ถ้าพี่ตาบอด พี่ไม่สามารถมองเห็นความสวยงามบนโลกนี้อีกแล้ว ได้แค่การสัมผัสไปจับ แล้วไม่รู้ว่ามันเป็นอะไร นอกจากไปชิมหรือถามคนอื่น มันไม่ใช่พี่

อันนี้เป็นเหตุผลที่พี่เคยคิดจะไม่อยู่ในโลกนี้?

เอ๋ : ทุกครั้งเวลาเราไหว้พระ ขอพร สัจจะธรรมของเราเลยคือขอให้พรุ่งนี้ตื่นมาอย่างสมบูรณ์ แต่ตอนเรื่องตารู้สึกว่ากราบพระทุกครั้ง ต้องบอกว่าพรุ่งนี้หนูไม่ตื่นแล้วก็ได้ ถ้าหนูยังมีบุญอยู่ อย่าทรมานหนูอีกเลย หนูยอมแล้ว ลูกโตแล้ว การมองไม่เห็นมันทรมาน

แล้วจุดที่กลับมา ฉันจะสู้แล้วมันคืออะไร?

เอ๋ : อาจจะเป็นเพราะเรื่องของลูกด้วย เรื่องคุณแม่ด้วย ถ้าเราต้องอ่อนแอ มันทำให้เราทรุด แล้วเรามานอนติดเตียง เราเป็นภาระคนอื่นไหม ไม่ใช่พี่ร้องไห้ไม่เป็นนะ เพียงแต่ไม่เคยร้องให้ใครเห็น

เห็นบอกว่าเป็นเพราะเหตุว่าคำพูดของบุตรสาวด้วย ที่ทำให้พี่อยู่ต่อ คำพูดนั้นคืออะไร?

เอ๋ : ไม่มีแม่หนูอยู่ไม่ได้ แม่ต้องดูแลตัวเองนะ แม่ต้องเข้มแข็งนะ ไม่มีแม่หนูจะอยู่ยังไง

ติดตามดูรายการคุยแซ่บ Show ทุกวันจันทร์-วันศุกร์ เวลา13.15 – 14.15 น. ทางช่อง one31 Facebook Page : คุยแซ่บShow รับชมย้อนหลังได้ที่ Youtube Channel : Orange Mama

ครูเต้ย อภิวัฒน์ ขนม ศศิกานต์

"ครูเต้ย" ควงภรรยา เปิดใจปกปิดเรื่องครอบครัว เคลียร์ปมดราม่าคบซ้อน

นักร้องหนุ่มลูกทุ่งอินดี้ ครูเต้ย อภิวัฒน์ ควง ขนม ศศิกานต์ รวมทั้ง น้องตั้งใจ ลูกสาววัย 1 ขวบ 4 เดือน มาเปิดใจหนแรก หลังจากปกปิดเรื่องการแต่งงาน และก็มีลูก พร้อมเล่าเส้นทางความรัก จนถึงมาถึงประเด็นดราม่าคบซ้อน โดนด่าเละ จนกระทั่งหลอนโซเชียล ทุกประเด็น ในรายการคุยแซ่บ SHOW ถ่ายทอดทางช่องวัน 31 ที่มี พีเค ปิยะวัฒน์ อาจารย์เป็นหนึ่ง แล้วก็บูม สุภาพร เป็นพิธีกรดำเนินรายการ

พ่อหลงบุตรสาวหนักมากมาย?

มากครับ ก็ที่สุดของชีวิตครับ เค้าเป็นผู้หญิงอย่างที่เราอยากได้ลูกสาว เราจะลงโซเชียลทุกวันให้คนเห็น

สปอยล์ลูกจนกระทั่งภรรยาจะต้องเอ็ด?

ขนม : บางทีเค้าตามใจมากเกินไป เค้าจะซื้อของเล่นอันที่ลูกหยิบขึ้นมา มันเยอะมากเกินไป จนไม่มีที่เก็บแล้วที่บ้านทุกวันนี้ก็ยังซื้อ

ช่วงที่พ่อจะออกไปทำงานน้ำตาไหลคิดถึงลูก?

คิดถึงลูก อยากได้มาก เราตั้งใจมีเค้า เราพร้อมที่จะมี รักเค้ามาก ตอนนี้เค้าเริ่มรู้จักความจะร้องตาม สมัยก่อนมีแต่เราที่ร้อง

จุดเริ่มเจอกันได้อย่างไร?

ผมเจอในเอ็มวีครับ เพลงๆ นึง

ขนม : ไปเล่นเอ็มวีเพลงนึงเป็นนางเอก แล้วไปเจอคนที่รู้จักพี่เค้า คุยกัน แล้วพี่เค้าส่งรูปหนูเข้าไป เค้าเห็นเลยขอเฟสบุ๊คค่ะ

ครูเต้ย  ขนม

ครูเต้ย หยอดไปทางเฟซบุ๊ค?

ใช่ครับ แอดไป แล้วก็ไปกดเลิฟบ้าง ตัดสินใจทักแชทไป

อะไรบ้างที่อยู่ในตัวเค้าที่ทำให้ชอบ?

ไม่รู้ครับมันคือรวมๆ ตอนนั้นเรายังไม่มีใครด้วย เห็นแล้วน่ารักดีอยากคุยด้วย ทักไปครั้งแรกขอบคุณที่รับแอดนะครับ

ขนม : เหตุผลที่รับแอดเพราะคิดว่าวันนึงเค้าจะมาจ้างเราเล่นเอ็มวี ตอนนั้นไม่ได้รู้สึกอะไร เค้าทักมาเป็นช่วงๆ หายไปบ้างก็มี แต่ว่าถ้าเราลงอะไรเค้าจะมาเร็วมาก หนูไม่เชิงเล่นตัว เหมือนเราไม่ค่อยได้เล่นเฟสบุ๊คอยู่แล้วด้วย เค้าทักมาเราแอบรู้สึกว่าเค้ายังไงกับเรา แล้วเค้าจะทักคนอื่นแบบนี้มั้ย ก็เลยทำให้ไม่อยากคุยกับเค้า

ในขณะนั้นไม่รู้ว่าเค้าเป็นนักร้องดัง?

ขนม : ไม่รู้ค่ะ พอได้เห็นเฟสบุ๊คเค้าถึงรู้ ก็เลยรับเผื่อเค้าจะจ้างเราเล่นเอ็มวี เค้าทักมาไม่ค่อยได้ตอบเค้า ไม่รู้จะคุยอะไรกับเค้า เริ่มคุยจริงๆช่วงปลายปี

ครูเต้ย : นานเลยครับ มันมีช่วงนึงที่เค้าไม่ค่อยตอบ ผมเลยหายไป เค้าคงไม่อยากคุยกับเรา พอเราเห็นเค้าลงนั่นลงนี่ใจอ่อนทักไปอีก ปกติเวลาเราทักหาใครถ้าเค้ารู้จักเราเค้าจะตอบเลย คนนี้ทำให้รู้สึกว่ามันมีอะไรอยากคุย เค้าก็ยังนานๆทีตอบ แต่เราก็ยังทักไปอีก ก็ตอบบ่อยขึ้น ก็ตัดสินใจนัดทานข้าว เค้าพาเพื่อนไปเต็มรถเลย (หัวเราะ)

ขนม : ประมาณ 7 คน ช่วงนั้นที่ตอบแชทพี่เต้ยบ่อยๆเพื่อนหนูเค้ารู้จักพี่เต้ย เค้าเห็นก็เอาโทรศัพท์ไปตอบ เพ ือนบอกพี่เต้ยชวนไปกินข้าว ตอนนั้นหนูจะไม่ไป เพื่อนบอกไปๆได้มั้ยขอ หนูเลยบอกพี่เต้ยว่าขอพาเพื่อนไปด้วยนะ

ครูเต้ย : ก็งงๆ นิดนึงมาเยอะ

พอขนมตกลงคบเป็นแฟนมีดราม่าเลย?

ครูเต้ย : ช่วงนึงมีคนลงรูป ตอนนั้นเรามีกระแสใหม่ๆ หลายคนที่ชื่นชอบเราก็งไม่อยากให้มีแฟน พอเจอรูปหลุดผมกับน้อง มีบางกลุ่มที่ไม่โอเค ไปขุดมาว่าเราเคยมีแฟน คบซ้อนหรือเปล่า เลยกลายเป็นดราม่า

ขนม : หนูก็เครียด เพราะไม่รู้อะไรเลยมาก่อน ก็ทักไปหาเค้าโกหกหนูหรอ

ครูเต้ย : เราก็อธิบายทุกอย่าง เพราะมันก็ชัดเจน

ขนม : เข้าใจค่ะ เพราะมันมีอะไรที่ทำให้เรารู้ได้ว่าชัดเจนแล้ว หนูเลยโอเค

ดราม่าหนักขนาดไหน?

หนักมากครับ เพราะมันเป็นช่วงโควิดรอบแรก คนกำลังอยู่บ้านมุกคนเล่นโซเชียล ทุกคนด่าผม มันเยอะ แรงทุกอย่าง หน้าตัวเมีย ดังแล้วลืมคนเก่า

ขนม : โดนค่ะ รู้สึกเสียใจมาก ขนมห่อละบาท อย่าไปกินขนมนะมันไม่มีประโยชน์

คุยกันอย่างไรบ้าง?

ตอนแรกร้องไห้ใส่กัน จมครับเครียด อ่านทุกคอมเมนท์ เพราะผมเพิ่งใหม่ในวงการ ยังไม่รู้วิธีรับมือ เครียดมาก ไม่เคยเกิดมาแล้วคนมาด่าเราขนาดนี้ แล้วไม่รู้จักเราด้วย บางคนเหมือนด่าตามๆกัน ผมอัดคลิปครั้งนึง กระแสตีกลับหนักกว่าเดิม

ขนม : นั่งร้องไห้กับที่บ้าน บอกไม่ไหวแล้วไม่อยากอยู่แล้ว อยากตื่นมาไม่ต้องรับรู้อะไรแล้ว เพราะตอนนั้นมันยากจริงๆ กับการที่หนูไปไหนแล้วเค้ามอง ว่าตามหลังก็มี หนูไม่รู้ว่าจะทำยังไงต่อไป มันแรงมากๆ เราลองใช่สติ ตอนนั้นอ่านทุกคำพุดที่เลื่อนเจอ ตอนนั้นไม่ีสติ ต้องเรียกสติก่อน กลับมาย้อนคิดว่าอันไหนที่เป็นจริงเราต้องปรับ แต่ถ้าอันไหนเราไม่ได้เป็นเราจะไปสนใจทำไม จมอยู่กับตรงนั้นทำไมให้ดึงตัวเองก่อน คนที่รักเราก็ยังมีให้แคร์ตรงนั้นด้วย พ่อแม่

ท้ายที่สุดผ่านมาได้อย่างไร?

ระยะเวลาครับ ตรงนั้นหนักพีคสุดแล้ว เราก็เงียบไม่ตอบโต้ ให้กระแสมันหายไป ก็จะมีเรื่องคนอื่นมาให้ดราม่าต่อเราก็ปล่อยผ่านไป

ขนม : หนูไม่คิดจะพูดอะไรเลยอยู่แล้ว เพราะรู้สึกว่าทุกคนมีเหตุผลของตัวเอง จะคิดอะไรก็แล้วแต่ ต่อให้หนูพูดถ้าเค้าไม่เชื่อหรือไม่เข้าใจก็ไม่มีผลอะไร หนูเลยคิดว่าไม่พูดดีกว่า หยุดแค่ตรงนี้

แทบเลิกกัน?

ขนม : หนูแค่รู้สึกว่าพี่เค้ากำลังดังขาขึ้นของเค้า แต่พมาเจอหนูแล้วต้องเจอเรื่องแบบนี้ หนุเลยโทษว่าเป็นเพราะตัวหนูเองที่ทำให้เค้ามาเจอเรื่องอะไรแบบนี้ เลยบอกพี่เค้าว่าสามารถตัดสินใจได้เลยถ้าไม่ไป่อหรือจะเลิกกัน เข้าใจหมดเลย

ครูเต้ย : ไม่ได้บอกว่าเลิก เรามาถึงขั้นนี้แล้วก็ไปต่อกัน ต้องช่วยกัน อดทน

ทำให้กลัวโซเชียลไปเลย?

ไม่ได้ลงอะไรที่คู่กันมานานแล้วครับ 2 ปี แม้กระทั่งแต่งงาน ท้อง ก็ไม่ได้ลงเลย ผมก็ลงแค่งานอย่างเดียว แต่ทุกวันนี้เปิดแล้ว ตอนนั้นหลอนครับ บางครั้งไปงานถ้าคนเห็นเราอยู่ด้วยกันก็เริ่มคิดแล้วจะเอาไปโพสต์อะไรออีกหรือเปล่า มันมีบางกลุ่มที่เค้ายังแอนตี้อยู่ ที่ทำให้เรารู้สึกช่างมันคือลูก

เปิดมามีลูกเลยคนยิ่งโจมตี?

ก่อนที่จะโพสต์รูปลูกเราคุยกันแล้ว ว่าเค้าต้องโตขึ้น เค้าต้องเจอสังคม จะให้เค้าอยู่แบบนี้มันไม่ได้ วางแผนกันไว้ว่าเค้าครบ 1 ขวบเราจะเปิด

เปิดแล้วเป็นไง?

ฟีดแบ็คดีมากครับ ทุกคนเอ็นดูน้อง ก่อนลงคิดหนักเพราะมันจะออกมา 2 ด้าน ไม่ดีก็แย่เลย

ขนม : คิดหนักเหมือนกันค่ะ แต่คราวนี้มันไม่ใช่เราแล้วที่ต้องรู้สึก เค้าโตขึ้นมาแล้วกลับมาย้อนเห็นสิ่งพวกนี้เราไม่อยากให้เค้ารู้สึกแบบนั้น ชื่อเค้าก็เป็นอีกเหตุผลคือเราไม่ได้ผิดพลาดในการมีเราตั้งใจ

วันวิวาห์?

มีไม่ถึง 20 คน เป็นญาติฝั่งผมกับญาติฝั่งขนม

ขนม : อยากให้ทุกคนรู้เพราะอยากให้เกียรติพ่อกับแม่เรา แต่ในความรู้สึกของหนูคืออยากให้คนที่เรารักมาอยู่ตรงนั้นในวันแต่งงานของเรา แต่ง 1 พฤษภาคม ปี 63 มีน้องช่วงธันวา-มกรา

ตอนฝากท้องยังต้องหลบมั้ย?

หลบครับ แต่โชคดีที่มีโควิด ขนมก็เรียนออนไลน์ โรงพยาบาลที่เราไปฝากก็ไม่ได้พูดอะไร

ขนม : ณ ตอนนั้นโอเคที่สุดแล้ว หาหมอพี่เต้ยก็ไปด้วยทุกครั้ง

ครูเต้ย อภิวัฒน์

ในงานแต่งมี 16 คนโอเคมั้ย?

ตอนนั้นเราอยากให้พ่อกับแม่เค้ามั่นใจว่าเราไม่ได้มาเล่นๆ ถ้ามีโอกาสจริงๆก็อยากให้ทุกคนมาร่วมยินดีกับพวกเรา

ขนม : ตอนนั้นโอเคมากเลย แต่ถามในใจเราก็อยากที่จะให้คนอื่นนอกเหนือจากนี้มาเหมือนกัน แต่แค่นั้นก็โอเคมากแล้ว

วันที่ตัดสินใจโพสต์รูปลูก?

มันเป็นวันเกิดเค้าเลย เราจะมีจัดงานมีตติ้ง เราเลยถือเอาวันนั้นจัดมีตติ้งแล้วพาลูกไปเปิดให้พี่ๆที่คอยสนับสนุนเราจริงๆให้ได้รู้เป็นกลุ่มแรก ครั้งแรกเลย บางคนพอรู้เพราะมีคนถ่ายเอาไปลงบ้างแต่ไม่เป็นกระแส โชคดีที่มีแฟนคลับที่น่ารัก

ขนม : ดีขึ้นค่ะ เราโล่งทุกอย่าง ปลดล็อคทุกอย่าง มันทำให้เราใช้ชีวิตยังมีอะไรอยู่คือเรื่องลูก เราโล่งมาก สบายใจไม่มีอะไรติดค้าง

ขนมอุ้มลูกขึ้นเวทีรู้สึกยังไง?

ขนม : ตื่นเต้น แล้วก็กลัวไปหมด กลัวทุกอย่าง ร้องไห้ตั้งแต่ก่อนเข้าไป ขึ้นบนเวทีก็ยืนร้องไห้ กลัวที่สุดคือพี่ๆเค้าจะโอเคมั้ย เสียใจหรือปล่าว เพราะหนุไม่อยากเป็นต้นเหตุที่ทำให้ใครรู้สึกไม่ดี ก็เลยกลัวไปหมด แต่พี่ๆทุกคนน่ารักมากหนูร้องไห้บนเวที พี่ๆตะโกนขึ้นมาร้องไห้ทำไม หนูยิ่งร้องใหญ่เลย ไม่คิดว่าเค้าจะซัพพอร์ตดีกับเราขนาดนี้

ดีมากครับ ได้พาลูกไปไหนมาไหน ตอนนั้นนอกจากโรงพยาบาลก็ได้พาลูกไปเที่ยว 2-3 ครั้งเองไปไพรเวทอยู่แค่บริเวณนั้น

ไม่ได้อยากมีลูกอีกเพราะอะไร?

ครูเต้ย: รักคนเดียว หยุดแล้วไม่มีแล้ว

ขนม : ถ้าอยากมีก็อยากมีให้เค้าเป็นเพื่อนกัน แต่แล้วแต่พ่อ

ติดตามชมรายการคุยแซ่บ Show ทุกๆวันจันทร์-วันศุกร์ เวลา13.15-14.15 น. ทางช่อง one31 Facebook Page : คุยแซ่บShow รับชมย้อนหลังได้ที่ Youtube Channel : Orange Mama

ณิชา

"ณิชา" โฟกัสปัจจุบันนี้ "โตโน่" บวชแล้วไม่คิดเบียด กล่าวถึงท่าเต้นสตาร์ทรถ

“ณิชา” บอกว่าโฟกัสปัจจุบัน หลังจาก “โตโน่” บวชแล้วไม่คิดเรื่องเบียด กล่าวถึงเรื่องท่าเต้นสตาร์ทรถ

ทดแทนน้ำใจพี่น้องไทย-ลาว เรียบร้อย สำหรับนักร้องหนุ่ม โตโน่-ภาคิน คำวิลัยศักดิ์ ปัจจุบันได้ลาสึกแล้ว เมื่อวันที่ 15 เดือนมกราคม ที่ผ่านมา หลังบวชศึกษาพระธรรม 7 วัน ณ วัดพระธาตุพนมวรมหาวิหาร

เมื่อ มีโอกาสพูดคุยกับนางเอกสาว ณิชา-ณัฏฐณิชา ดังวัธนาวณิชย์ ที่เพิ่งเดินทางกลับจากไปรับทิดโตโน่ ที่จังหวัดนครพนม จึงได้ถามถึงความรู้สึกหลังจากร่วมอนุโมทนาบุญกับแฟนชายหนุ่มสำหรับการบวชคราวนี้ รวมทั้งเรื่องหนุ่มโตโน่มีสภาวะถอดตัวละครไม่ออก ทำให้ณิชาถึงกับกลัวกระทั่งร้องไห้ แล้วก็กระแสท่าเต้นสตาร์ทมอไซค์ ตอนแสดงคอนเสิร์ต เพิ่งเป็นประเด็นถูกแซวขึ้นมา

โดย ณิชา เปิดเผยว่า “เป็นทิดโน่ ก็สงบลงกว่าเดิมอีกค่ะ(หัวเราะ) ล้อเล่น ไม่ใช่ค่ะ ก็เป็นเหมือนเดิม เขาบอกว่าได้บวชแล้วก็ได้คิดไตร่ตรองกับอะไรบางอย่างในชีวิต คือก็ได้อะไรมาจากการบวช แต่เขาเย็นไปกว่านี้ไม่ได้แล้ว เพราะตอนนี้เย็นมากแล้ว(หัวเราะ) ถ้าเย็นกว่านี้เดี๋ยวหนูต้องเย็นลงด้วย”

ณิชา โตโน่

เราได้ไปตักบาตรบ้างหรือเปล่า ?

“หนูไปแค่วันบวชกับอีกวันใส่บาตร แล้วก็กลับมาทำงานค่ะ”

เรามองเห็นความแตกต่างของเขา ก่อนกับหลังบวชไหม ?

“ไม่ค่ะ เขาก็คือพี่โน่คนเดิมค่ะ(หัวเราะ) แต่ว่าเขาก็ได้ข้อคิด ได้วิธีคิดอะไรมาจากการบวช ก็เป็นเรื่องที่ดี”

สำเร็จภารกิจทุกอย่างแล้ว เขาตั้งใจจะทำอะไรอีกหลังจากนี้ ?

“ยังไม่ได้คุยเหมือนกันค่ะ แต่มันยังไม่เสร็จสิ้น เพราะว่ายังไม่ได้มอบอุปกรณ์ อันนั้นต้องให้ทีมเป็นคนชี้แจงต่างๆ เพราะหนูไม่ได้รู้รายละเอียด”

เขาได้เล่าเรื่องตอนบวชให้เราฟังไหม ?

“ก็เล่านะคะ แต่เดี๋ยวให้เขาเล่าเองดีกว่า น่าจะเล่ารู้เรื่องกว่าหนูด้วย หนูอาจจะอธิบายเดี๋ยวผิดเดี๋ยวถูก ไม่ใช่แบบที่เขารู้สึก”

ปีนี้เขามีแพลนจะทำอะไรยิ่งใหญ่อีกไหม ?

“ถ้าจากที่คุยต้นปี แพลนของเขาคือการดูแลตัวเองมากขึ้นค่ะ (ดูแลเราด้วยไหม?) ไม่เป็นไรค่ะ ให้เขาดูแลตัวเองอย่างเต็มที่”

โตโน่บวชแล้วมีแพลนจะเบียดเลยไหม ?

“ไม่เบียดค่ะ (หัวเราะ) (ยังไม่ได้คุยกันเรื่องนี้?) ไม่ได้คุยค่ะ อยู่กับปัจจุบันดีที่สุดแล้ว หนูก็ยังอยากสนุกกับสิ่งที่ทำ เขาก็เหมือนกัน มันยังไม่ได้ต้องแพลนอะไร หนูไม่ได้ชอบแพลนชีวิตขนาดนั้น หนูชอบปล่อยให้มันเป็นไปตามที่เราทำดีที่สุดทุกวันนี้”

แต่ก็มองอนาคตร่วมกันไหม ?

“ก็ถ้ามันดี มันก็เป็นอย่างนี้ต่อไปเรื่อยๆ ค่ะ มันฟิกไม่ได้”

เรามองตนเองในอนาคตว่าควรมีครอบครัวอย่างไรบ้างไหม ?

“ไม่มีค่ะ ตอนนี้สิ่งเดียวที่หนูโฟกัสคือชีวิตหนู ครอบครัวหนู การทำงานหนู คนรอบข้าง แค่นั้นนะคะ ไม่ได้คิดเลยว่ามันต้องเป็นรูปแบบไหน ในตอนแก่หรือตอนอะไร เพราะว่าสิ่งที่มันอยู่ตอนนี้ มันสำคัญกับหนูเหมือนกัน งานที่ทำอยู่ ละครทุกเรื่อง หนังทุกเรื่องที่เล่น งานทุกงานที่ทำ มันสำคัญกับหนูหมดค่ะ มันไม่มีอะไรสำคัญไปกว่าปัจจุบันสำหรับหนูนะ”

เราไม่เคยแพลนเลยหรอ ว่าจะแต่งงานอายุเท่าใด ?

“ไม่ ก็แล้วแต่คน แต่ว่าหนูไม่ได้คิดเลย หนูยังร้อยเปอร์เซ็นต์มากกับชีวิตตัวเอง มันเลยยังไม่ได้คิดพาร์ทอื่น หรือว่าสเต็ปไหน ต้องเป็นแบบไหน”

เคยมีคุยกันจริงจังบ้างหรือไม่กับโตโน่ ?

“ไม่เลย แล้วแม่หนูก็ชิวมากค่ะ คือมันไม่มีอะไรมาฟิกกันได้ เดี๋ยวมันถึงวันนั้นก็จะรู้เอง ตอนนี้มันร้อยเปอร์เซ็นต์อยู่กับตัวเองมากๆ ยังอยากไปเที่ยวกับเพื่อน ยังอยากอยู่กับที่บ้าน ยังอยากทำอะไรของตัวเองเยอะมาก ไม่ใช่แค่การแสดง มันยังมีหลายอย่างที่อยากทำ”

แต่ว่าโตโน่ก็อายุมากขึ้นแล้ว เขารอเราหรือเปล่า ?

“ไม่มีใครรอใครค่ะ ทุกคนก็ใช้ชีวิตของตัวเอง ต่างคนต่างเต็มที่ในพาร์ทของตัวเอง”

คนที่เราจะสมรสด้วยจะต้องเป็นยังไง ?

“ไม่รู้เลยค่ะ หนูไม่รู้ว่าอีก 5 ปีหนูจะเป็นคนยังไง อีก 10 ปีจะเป็นคนยังไง ความคิดหนูจะเป็นแบบไหน หนูเลยไม่มีไงคะ ว่ามันต้องเป็นแบบไหน อยู่กับปัจจุบัน อย่างที่หนูบอกอะ เรื่องที่หนูเชื่อคือคนเราเปลี่ยนไปทุกวัน หนูไม่สามารถฟิกอะไรที่มันตายตัวได้ แค่ตอนนั้นมันจะเกิดอะไรขึ้น ก็ให้มันเป็นแบบนั้น แล้วอะไรที่มันจะพอดีกับเรา ก็ให้มันอยู่กับเราแค่น้้นเอง มันฟิกอะไรไม่ได้ ตอบไม่ได้เลย”

ในตอนนี้โตโน่อยู่ในเวอร์ชั่นที่เราโอเคใช่ไหม ?

“ตอนนี้มันโอเคกัน มันเข้าใจกัน อยู่ด้วยกันแล้วมันดี มันก็โอเคค่ะ”

เรื่องที่โตโน่มีภาวะถอดตัวละครไม่ออก เขากล่าวว่าไปร้องเพลงวันเกิดให้เรา แล้วทำให้เราร้องไห้ด้วย เกิดอะไรขึ้น ?

“ใช่ค่ะ คือจริงๆ หนูก็จำเหตุการณ์ไม่ได้ แต่ร้องไห้จริงๆ เพราะเรารู้สึกว่ามันไม่ใช่เขาเลยอะ คือเอเนอร์จี้เขาไม่ใช่โตโน่ที่เย็นอะ ในตอนนั้นนะคะ คือมันไม่ใช่แค่แววตาหรอกค่ะ เวลาเราอยู่กับใครบ่อยๆ เราจะรับพลังงานได้ ว่าคนนั้นเครียดอยู่นะ คนนั้นเสียใจอยู่ แต่ว่ามันเป็นพลังงานโดยรวม หนูก็บอกไม่ถูก เวลาเราอยู่กับเพื่อน เราก็จะรู้ว่าเพื่อนไม่โอเค มันจะรู้โดยอัตโนมัติ อย่างหนูไม่โอเค แม่ก็จะรู้โดยอัตโนมัติว่าหนูต้องเป็นไรแน่เลย ก็เหมือนกันค่ะ หนูรับรู้ได้ว่ามันไม่ใช่เลย เลยรู้สึกว่าต้องช่วยกันหาทางออกแล้วแหละ ถ้าเป็นอย่างนี้ต่อ เราเองก็กังวลไปด้วย เครียดไปด้วย”

ขณะนั้นเขาไม่รู้ตัวเลยใช่ไหม ว่าเขาถอดคาแร็กเตอร์ไม่ได้ ?

“หนูไม่แน่ใจว่าเขาไม่รู้ตัวเลยไหม อันนี้อาจจะต้องถามเขา ว่าในภาวะนั้นเขายังไงบ้าง แต่ ณ วันที่ได้คุยกันวันนั้น เขาก็รู้ตัวเลยว่าไม่ได้แล้ว ต้องพยายามหาทางออกแล้ว”

สิ่งที่ทำให้เราร้องไห้คือเราเห็นอะไรในเวลานั้น ?

“เรารู้สึกว่ามันเครียดค่ะ (ทั้งๆ ที่เขามายืนร้องเพลงวันเกิดให้เรา?) ใช่ค่ะ เราร้องหลังจากที่เขาร้องเพลง คือได้นั่งคุยกันแป๊บหนึ่ง แล้วหนูพูดดีกว่า คือมันเห็นมาสักระยะหนึ่งแล้ว แต่เรารู้สึกว่าถ้าเราไม่ทำอะไรกันสักอย่าง มันน่าจะดีไปมากกว่านี้ น่าจะไม่ไหว”

โตโน่ ณิชา

อาการหรือพฤติกรรมอะไร ที่ทำให้ ณิชา ถึงขนาดร้องไห้เลย ?

“คือมันไม่ได้มีพฤติกรรมอะไร เราแค่เป็นห่วง คือเรารู้ว่าเวลาทำงานแสดง มันมีหลายวิธีที่จะใช้ ถามว่าถ้ามันจะทำให้งานออกมาดีที่สุด หนูเชื่อว่านักแสดงหลายคนก็พร้อมจะทำ แต่มันดันเป็นบทที่ข้างในมันน่ากลัว ถ้าบรีฟหรือลงไปลึกกว่านั้น แล้วอยู่กับความรู้สึกนั้นตลอดเวลา มันต้องรู้วิธีที่จะเอาออกได้อย่างคลีนด้วย ซึ่งมันก็เป็นเรื่องยาก เพราะมันคือเรื่องของข้างใน ตอนนี้ดีแล้ว คือเรื่องมันเกิดขึ้นตอนต้นปี ตอนวันเกิดหนูเมื่อปีที่แล้ว ตอนนี้ปกติแล้วค่ะ”

แสดงคอนเสิร์ตตอนนี้ โตโน่มีกระโดดด้วย ?

“คือมันไม่ใช่เดี๋ยวนี้ หนูแปลกใจมาก ยังคุยกันที่บ้านอยู่เลย ว่าทำไมมันเป็นกระแสขึ้นมา เพราะเขาทำอย่างนี้มาเป็น 10 กว่าปีแล้ว ตั้งแต่ก่อนจะเจอหนูด้วย ตั้งแต่หนูเล่นละครกับพี่เขา ก็ล้อกันเองนานมากแล้ว เรื่องท่าสตาร์ทมอเตอร์ไซค์อะ จนวันที่เป็นกระแสหนูแบบ ทำไมอยู่ดีๆ มาเป็นกระแสได้ แต่ก็ไม่เป็นไรค่ะ ทุกคนดูเอ็นเตอร์เทน ก็ตลกดี

“เขาก็ก็เขินนะ(หัวเราะ) หนูเคยพูดกับเขาเหมือนกัน ว่าปวดเข่าไหม แต่คือหนูพูดไปเมื่อหลายปีมาแล้ว แต่แค่ปีสองปีนี้มันเพิ่งมาเป็นกระแสได้ไงไม่รู้เหมือนกัน ไอ้โดดโน่น ทำนี่ คือเป็นมานานมากแล้ว ตอนที่เพิ่งรู้จักกันใหม่ๆ หนูถามว่าปวดคอไหม คือโยกหัวก็โยกแรงมาก มันเป็นอย่างนี้มาตั้งนานแล้ว แต่สำหรับตัวหนู หนูก็แค่สงสัยเฉยๆ ว่าทำไมมาเป็นกระแสในตอนนี้ อาจจะเพราะกระแสว่ายน้ำ แต่ก็ตลกดี”

เขามีคอนเสิร์ตเพิ่มมากขึ้นกว่าเดิมไหม ?

“งานเยอะมาก(หัวเราะ) งานคอนเสิร์ตเยอะมาก เวลาไปเตะบอลใครเจอเขาก็จะแบบ ทำท่าสตาร์ทมอไซค์ให้ดูหน่อย (หัวเราะ) คือถ้าคนได้เคยเห็นคลิปเขา เขาเป็นอย่างนี้มานานแล้ว ถ้าดูเขาตั้งแต่เดอะสตาร์ เขาเป็นตั้งแต่ประกวดอะ”

แต่ว่าเรื่องการกระโดดบนเวที กระโดดลงสระ เรามีพูดไหมว่าหนักไปหรือเปล่า ?

“อันนี้ก็พูดค่ะ คือเต็มที่ได้ แต่ต้องเซฟตัวเอง หนูเป็นห่วงเหมือนเดิม คือรู้แหละว่าเขากระโดดบ่อย กระโดดให้คนบ้าง กระโดดลงเวทีไปเล่นไปทำอะไรบ้าง คือเขาทำอย่างนั้นตลอดอยู่แล้ว แต่ว่าก็บอกเขาว่าอันไหนที่มันอันตรายเกินไปอะ ให้เซฟตัวเองอีกนิดนึงได้มั้ย เพราะว่าอายุก็เยอะขึ้นทุกวัน(หัวเราะ)”

“ต้องดูแลตัวเองเยอะขึ้นนิดนึง เขาก็โอเค เขาจะพยายาม หนูว่ามันเอเนอร์จี้ของนักร้องค่ะ ที่เราไม่สามารถไปบอกได้ ว่าอยู่บนเวทีแล้วอยู่นิ่งๆ เถอะนะ คือแต่ละคนมีสไตล์การเพอร์ฟอร์แมนซ์ไม่เหมือนกัน ไม่สามารถไปบอกได้ว่าใครควรจะเป็นแบบไหน แต่อะไรที่มันจะอันตรายหรือว่าไม่เซฟ อันนี้ก็ขอให้เบรกแป๊ปหนึ่งก่อนทำ แต่ถ้าอันนี้ไม่ได้เดือดร้อนใคร ไม่ได้อันตรายกับตัวเองก็ทำไปเลย”

แต่ว่าเขารับปากเราแล้วใช่ไหม ?

“เขาโอเค เขารู้ว่าแม่ก็เป็นห่วงค่ะ ถามว่าเจ็บมั้ย ทุกคนก็ถามเหมือนกันว่าเจ็บมั้ย(หัวเราะ) (มีชวนเราเต้นท่ามอเตอร์ไซค์บ้างไหม?) ไม่ คือถึงบอกว่ามันเป็นความสามารถพิเศษของนักร้อง ที่อยู่ข้างล่างเขาไม่เป็นแบบนั้น แต่อยู่บนเวทีเพอร์ฟอร์แมนซ์เขาไม่ได้เป็นแบบนั้น เพราะพี่โน่ในชีวิตประจำวันเขาไม่เต้นไม่อะไรเลยนะ แค่ให้ร้องเพลงให้ฟังก็เขิน แต่พอขึ้นเวทีมันเหมือนเป็นที่ของเขามั้งคะ มันเลยเต็มที่ แล้วมันมันอะค่ะ”

มีความหมายว่าโตโน่พาร์ทที่อยู่กับเรา กับอยู่บนเวทีไม่ใช่คนเดียวกัน ?

“หนูว่าก็ไม่เหมือน เวลาทำงานแสดง พี่โน่ก็จะเป็นอีกแบบนึง แต่ถามว่าเต็มที่สุดมั้ย อันนั้นก็น่าเป็นห่วงเหมือนกันค่ะ จริงๆ คือเวลาเขาเล่นบู๊ เขาจะเล่นเองหมด เขาเป็นคนเต็มที่มาก อันนั้นก็เป็นห่วงในอีกทางหนึ่ง แต่หนูก็เข้าใจได้อีก เพราะมันคือการทำงาน เขาก็รู้ว่าอะไรเซฟไม่เซฟสำหรับเขาแหละ”

เวลาอยู่กับเราเป็นหนุ่มขี้อาย ?

“ก็ขี้อายกับทุกคนอยู่บ่อยๆ เหมือนกันนะ ในบางเรื่องถ้าจะให้อยู่ดีๆ มาเต้น เขาก็ไม่ทำ(หัวเราะ) แล้วแต่เรื่องค่ะ เรื่องความกวนเขาก็ยังกวนเป็นเรื่องปกตินะ หนูเห็นเวลาเขาไปออกรายการสัมภาษณ์ เขาก็กวนเป็นปกติอยู่นะ แต่ในตอนนี้ที่หนูมาเจอพี่เขา เขาก็เป็นคนนิ่งอยู่แล้วค่ะ เวลาเขาสัมภาษณ์เขาเป็นคนนิ่งมาก แล้วเวลาพูดอะไรเขาจะคิด คิดถี่ถ้วนจนหนูกลายเป็นคนพูดไม่คิดไปเลยในบางที อย่างเขากับที่บ้านเอง กับแม่ กับคนรอบตัว กับวงเขา เวลาจะทำงานหรือคุยงานอะไร เขาจะคิดเยอะมากก่อนที่จะพูดออกไป

“เขารู้สึกว่าเวลาพูดไปแล้วมันเอาคืนไม่ได้ บางทีหนูคุยด้วยจริงจัง หนูก็ต้องลุ้นว่าเขาจะตอบอะไร (หัวเราะ) ซึ่งดีนะคะ มันทำให้หนูปรับตัว หนูรู้สึกว่าคิด ดีกว่าไม่คิดเลย หนูก็คิดมากขึ้นไปด้วย เวลาจะพูดอะไรก็รู้สึกว่าตัวเองดีขึ้น เพราะเมื่อก่อนคิดปุ๊บพูดเลย พูดจนแม่บอกว่าใจเย็นๆ เมื่อก่อนแม่ก็คือจะแบบว่าหยุดก่อน บางอย่างไม่ต้องทันทีก็ได้ ซึ่งหนูก็ดีขึ้นเรื่องนี้”

Golden Disc Awards

ชมภาพงาน Golden Disc Awards ครั้งที่ 37 PSY-BTS-IVE คว้ารางวัลแดซัง

เปิดศักราชปี 2023 ด้วยความโหฬาร เกรียงไกร สมศักดิ์ศรี สำหรับงานประกาศรางวัล ทางด้านดนตรี K-POP สุดยิ่งใหญ่แห่งปี จากประเทศเกาหลีใต้ Golden Disc Awards ครั้งที่ 37 เชื่อมโยงแฟนๆ K-POP จากทั่วโลก โดยการเนรมิต แสง สี เสียง โปรดักชัน สุดอลังการ สร้างปรากฏการณ์ งานประกาศรางวัล ที่มีผู้เข้าชมสูงที่สุดในประเทศไทย จัดขึ้น ณ สนามกีฬาแห่งชาติ ราชมังคลากีฬาสถาน ในวันเสาร์ที่ 7 ม.ค. 2566 ก่อนหน้านี้ที่ผ่านมา โดยผู้จัด APPLEWOOD รวมทั้ง APPLEWOOD Thailand

ขนทัพศิลปินมากกว่า 60 ชีวิต อาทิ NEWJEANS, LESSERAFIM, IVE, ENHYPEN, BE’O, TREASURE, BIG NAUGHTY, (G)I-DLE, STRAY KIDS, SEVENTEEN, JAY PARK, YOONHA, PSY, J-HOPE จาก BTS

พร้อมด้วย 4 พิธีกร

1. NICHKHUN 2. PARK SO DAM 3. LEE DA HEE 4. SUNG SI KYUNG ตบเท้าเข้าสู่งานเดินพรมแดง

และแขกรับเชิญสุดพิเศษ LEE JUNHO, SONG JOONG KI ที่มาร่วมเป็นเกียรติในการประกาศรางวัล

สำหรับงานประกาศรางวัล Golden Disc Awards ครั้งที่ 37 กล่าวได้ว่าเป็นการประกาศรางวัลที่ได้รับการยอมรับจากแฟนคลับK-POP ทั่วโลก จากการประกาศผลรางวัลอันเป็นที่น่าเชื่อถือ สอดคล้องกับการแผ่ขยายของวัฒนธรรม K-POP ที่ก้าวกระโดดประสบความสำเร็จไปทั้งโลก รางวัล Golden Disc Awards ก็เลยถือเป็นเกียรติยศอันยิ่งใหญ่สำหรับศิลปิน K-POP

งาน Golden Disc Awards

โดย Golden Disc Awards ครั้งที่ 37 มีรายชื่อศิลปินที่ได้รับรางวัลดังต่อไปนี้

รางวัลARTIST OF THE YEAR (Daesang) ได้แก่ PSY

รางวัลSONG OF THE YEAR (Daesang) ได้แก่ IVE

รางวัลALBUM OF THE YEAR (Daesang) ได้แก่ BTS

รางวัลBEST DIGITAL SONG (Bonsang) ได้แก่ NEWJEANS, LIM YOUNG WOONG, IVE, KIM MINSEOK, (G)I-DLE, JAY PARK, PSY, BIGBANG

รางวัลBEST ALBUM (Bonsang) ได้แก่ ENHYPEN, NCT, NCT 127, NCT DREAM, BLACKPINK, SEVENTEEN, STRAY KIDS, BTS

รางวัลROOKIE ARTIST ได้แก่ NEWJEANS, LE SSERAFIM, IVE

รางวัล BEST R&B HIPHOP ได้แก่ BIG NAUGHTY

รางวัลBEST GROUP ได้แก่ TREASURE

รางวัลTHAI K-POP ARTIST ได้แก่ SEVENTEEN

รางวัลBEST SOLO ARTIST ได้แก่ YOONHA, BE’O

รางวัลTHAI FANS SUPPORT WITH BAOJI ได้แก่ J-HOPE

รางวัลBEST PERFORMANCE ได้แก่ SEVENTEEN

รางวัลBEST PRODUCER ได้แก่ SEO HYUNJOO (Starship Entertainment)

รางวัลTikTok GOLDEN DISC MOST POPULAR ARTIST ได้แก่ BTS

รางวัลMOST POPULAR ARTIST ได้แก่ STRAY KIDS, (G)I-DLE

งาน Golden Disc Awards ครั้งที่ 37
ภายในงานนอกจากการรับรางวัลอันมีเกียรติแล้ว เหล่าศิลปินผู้มากความสามารถ ต่างเตรียมการแสดงบนเวทีสุดพิเศษ

ที่รังสรรค์ขึ้นมาเพื่องานนี้โดยเฉพาะมาฝากแฟนคลับของพวกเขาอีกด้วย อาทิเช่น วง NEWJEANS นอกจากเพลงฮิตอย่าง Attention และ Hype Boy แล้ว ยังประเดิมเวทีนี้ด้วยเพลงใหม่ล่าสุดอย่าง OMG อีกด้วย ต่อที่สาวๆวง LE SSERAFIM ที่มากับคอมโบเพลงที่ไม่เคยโชว์ที่ไหนมาก่อน เหมือนกับหนุ่ม SEVENTEEN ที่เนรมิตเพอร์ฟอร์แมนซ์เพลง DON QUIXOTE มาแสดงเป็นครั้งแรก

ด้านสาวๆวง (G)I-DLE ก็ไม่พลาดที่จะโชว์เพลงได้รับความนิยมแห่งปีอย่าง TOMBOY และก็ “มินนี่” สาวไทยหนึ่งเดียวของวง ก็ได้จัดความพิเศษกับเนื้อเพลงภาษาไทยมาฝากแฟนๆอีกด้วย ส่วนความดุเดือดจำต้องยกให้กับวง STRAY KIDS ที่เปิดตัวอย่างเท่บนรถโฟว์วีล ตามมาด้วย ENHYPEN รวมทั้ง TREASURE ที่ขนเพลงฮิตมาในสเตจรีมิกซ์ที่บอกได้คำเดียวว่ามันมาก!

ฝั่งฮิปฮอปก็จัดความมันสุดเหวี่ยงมาแบบไม่ยั้ง ทั้ง JAY PARK, BIG NAUGHTY, BE’O แล้วก็อีกหนึ่งโชว์ที่พลาดมิได้ กับศิลปินเดี่ยวอย่างสาว YOONHA ที่มาโชว์พลังเสียงสะกดใจแฟนคลับคนประเทศไทยกันแบบสดๆ

แล้วก็มาถึงการแสดงสุดท้าย ที่สุดร้อนแรงจาก PSY ที่มาพร้อมเพลงฮิตอย่าง That That และ Gangnam Style เรียกเสียงกรี๊ดจากแฟนๆคนประเทศไทยจนกระทั่งทะลุเดซิเบล ก่อนจะปิดฉากความโหฬารด้วยการจุดพลุฉลองความสำเร็จ ในงานประกาศรางวัล Golden Disc Awards ครั้งที่ 37 นี้ ไปอย่างงดงาม สมการรอคอย.

ปู ไปรยา สวนดอกไม้ ลุนด์เบิร์ก

"ปู ไปรยา" เคยหนีจากวงการ เกือบจะจบชีวิตเพราะคำบูลลี่

ผู้แสดง รวมทั้ง ดารานางแบบสาวสุดแซ่บ ระดับอินเตอร์ ปู ไปรยา สวนดอกไม้ ลุนด์เบิร์ก เปิดเผยเรื่องราวชีวิต ในอดีต ที่เคยวิ่งหนีออกมาจากวงการ และก็ครอบครัว เพราะคำบูลลี่ ว่าเป็นของเล่นไฮโซ ไม่สวย ตัวดำ

จนกระทั่งขั้นที่ต้องการจะตาย จำต้องเก็บตัวอยู่กับตนเองถึง 3 ปี แม้กระนั้นก็สามารถก้าวผ่านจุดนั้นมาได้ เป็นบทเรียนชีวิต เลือกที่จะรักตนเอง เป็นคนใหม่ ที่เข้มแข็งขึ้นกว่าเดิม โดยไม่ยึดติดกับอะไร ในรายการ WOOD FM

ความรักที่ไม่สมหวัง สาเหตุทำไม ?

ปู : ปูเลือกคนที่ผิด เพราะว่าตอนนั้นไอยังรักตัวเอง และยังไม่รู้จักตัวเองพอ อย่าลืมไอเริ่มเป็นดาราตั้งแต่อายุ 13 พร้อมกับเรียนไปด้วย ปูแย่มากตอนนั้น ปูยังจำได้เลยว่า ปูมีปมกับคอมเมนต์ในอินเตอร์เน็ต เป็นเรื่องที่ไม่เคยเล่าให้ใครฟังมาก่อนเลย ช่วงละครเรื่องแรกตอนนั้นเตะบอลผิวเลยจะคล้ำๆ หน่อย ปูว่าผิวสีแทนสวยมาก จำได้ละครเพิ่งออก ก็เลยเข้าไปดูในเว็บช่อง 7 เมื่อก่อนจะมีกระทู้เยอะ มีคนบอกว่าเป็นนางเอกได้ไงตัวดำมากเลย ปูวิ่งออกจากห้องหนังสือร้องไห้กองกับพื้นทุกคนคิดว่าปูขี้เหร่ ตอนอายุ 13 ยังไม่รู้ตัวเอง พอหลังจากนั้นไม่กี่เดือนก็ไปดูบอลช่อง 3 ตอนที่กำลังจะเดินออกจากสนามบอลมีคนบอกว่า ตัวดำ ไม่เห็นสวยเลย แล้วปูก็กลับมาร้องๆๆ นั่นคือประสบการณ์การโดนคอมเมนต์ของแฟนคลับ ของคนไทย เลยคิดว่าพวกเขาเกลียดปู ไม่ชอบอะไรเลยที่เป็นปู แล้วบอกว่าไม่มีใครแต่งด้วยหรอกของเล่นไฮโซ ปูเลยยิ่งแบบว่าฉันจะต้องหาแฟน ฉันต้องตัวขาวหาผู้ชายก่อน มันบ้ามาก ก็คิดในใจว่าฉันต้องเป็นแบบนี้ถึงจะถูกความยอมรับ

แล้วหลังจากนั้นต้องทำตัวเรียบร้อย เป็นหญิงไทยพูดจาเพราะ เอาจริงป่ะ เหมือนเอาเสือไปใส่ชุดแพนด้า (หัวเราะ) ปูทำไม่ได้ ผู้ชายที่เป็นแฟนกับปูบอกว่าผมว่าคุณไม่ใช่อย่างที่คุณบอกว่าเป็นนะ เหมือนตอนแรกๆ คบกันเป็นแต่ช่วงหลังมันจะเป็นไปเองว่าปูจะเริ่มไม่แฮปปี้มาก แล้วปูจะดื้อเงียบ เป็นกับแฟนเก่าทุกคนเลย พอเขาเริ่มอยากให้เราไปในทิศทางที่เราคิดว่าเราจะวางตัวและทำได้ มันก็เริ่มทะเลาะกัน เพราะลึกๆ แล้วปูดื้อสุดๆ ก็เลยไม่ทำ ไม่อยากทำ ไม่สามารถเปลี่ยนตัวเองได้ ตอนย้ายไปอเมริกาปูได้ค้นพบตัวตนปูจริงๆ คือ ปูเป็นคนตรงๆ มีอารมณ์ขันแบบแสบๆ แล้วปูค่อนข้างจะชิลๆ กับเรื่องเพศ ไม่ได้เป็นคนที่ถือตัว ปูชอบส่วนโค้ง ส่วนเว้ารูปร่างใส่ชุดว่ายน้ำ ปูชอบการตกหลุมรัก การได้รัก เป็นคนที่แบบมองผู้หญิงสวยปูก็ว่า เธอเซ็กซี่ เธอสวย มองผู้ชายปูค่อนข้างเปิดกว้างเรื่องเพศ แล้วเป็นสิ่งที่เมื่อก่อนปูโดนกดเอาไว้ พูดไม่ได้ พูดแล้วคนด่าว่าแรง ปูอายุมากขึ้นพยายามจะเข้าใจว่ามนุษย์ควรจะอยู่กับคนๆ เดียวทั้งชีวิตหรือเปล่า บางคนทำได้บางคนทำไม่ได้ นี่คือเพื่อถามตัวเองที่อยู่ในช่วงเวลาชีวิต แล้วถ้าเราจะเลือกคนๆ หนึ่งที่เราจะอยู่ด้วยตลอดชีวิตโดยไม่มองและคิดถึงคนอื่น โดยไม่รู้สึกอะไรกับเพศตรงข้ามหรือเพศเดียวกันถึงตอนนั้นปูอาจจะได้แต่งงาน แต่คนนั้นจะต้องเป็นคนที่รับได้ถึงตัวปู ในแบบที่ปูเป็น ตอนนี้ปูอยู่ในเฟสที่แบบเปิด ดูทุกอย่าง คุณได้เกิดมาแค่ครั้งเดียว เลยคิดว่าจะใช้ชีวิตอย่างที่ต้องการ

ปู ไปรยา

ความรักเป็นอย่างไร ขณะนี้ คบมานานหรือยัง ?

ปู : แฮปปี้ เรียกว่าคุยดีกว่า คุยมาสักพักหนึ่งแล้วค่ะ คุยนานเกินปีแล้ว ขอเก็บเป็นเรื่องส่วนตัวเท่านั้นคราวนี้ ปูจะไม่พูดแล้ว ไม่มีใครจะได้เห็นรูปที่ปูลง เพราะเวลาโดนเรื่องโซเชียลมันหนักแค่ไหน ปูรู้สึกว่าต้องการปกป้องคนที่คุยด้วย แล้วอีกอย่างคือที่ผ่านมามันเป็น ไปรยา เวอร์ชั่น ต้องให้คนนี้รัก ต้องมีแฟน ต้องแต่งงาน เพื่อมีคุณค่า แต่ตอนนี้ปูรู้สึกว่าชีวิตรักปู เป็นเรื่องของปู มันเป็นเรื่องส่วนตัว ถ้าปูยังปกป้องตัวเองในสายตาผู้คนไม่ได้ ซึ่งตอนนี้หลังจากบทสัมภาษณ์นี้ ปูอาจจะโดนด่าหนักมากก็ได้ ปูไม่มีทางเอาคนอื่นที่เป็นคนนอกวงการ ต้องมาเจออะไรแบบนี้ ปูต้องปกป้องทุกคน มันมีแบบนานๆ ทีปูลงรูปเพื่อนๆ ทุกวันนี้ยังขออนุญาติเพื่อนอยู่เลย เพราะปูก็กลัว ปูเจอมาเยอะ

เคยคิดจะไม่เล่นโซเชียลบ้างหรือไม่ ?

ปู : เคย ถ้าวันหนึ่งเราสามารถมีรายได้เป็นของตัวเองในหน้าที่การงานที่แบบพอดีแล้ว ปิดแน่เลยนะ บ๊าย! Instagram

ในวันที่คุณแบก ปู ไปรยา ว่าควรจะเป็นอย่างนี้ ชาวไทยถึงจะชอบ ในที่สุดวันหนึ่งคุณค่อย ๆ กระเทาะตัวตน แล้วก็มองว่าฉันไม่ต้องเป็นอะไร เหลือศูนย์ว่างเปล่า ?

ปู : สุดท้ายลมหายใจที่เรามีอยู่จริงที่สุดแล้ว คนมันจะมองข้ามความสำคัญของลมหายใจ แต่เป็นสิ่งที่เราขาดไม่ได้ ยิ่งกว่าอาหารหรือน้ำดื่มอีก ฉะนั้นเมื่อไหร่ที่รู้สึกว่าชีวิตมันเกินไปรับไม่ได้ ปูก็อยากจะบอกว่ากลับมาที่ลมหายใจ เราเกิดมาสุดท้ายตายไม่ว่าจะเผาหรือฝังมันหายไปไม่มีอะไรคงอยู่ตลอดไป ปูก็เลยใช้ชีวิตเหมือนทุกวันนี้ เป็นเหมือนวันสุดท้ายของปู แล้วสุดท้ายปูอยากทำอะไร ปูอยากอยู่กับครอบครัว โอเคทำเงินหางาน แต่ทำแล้วรักหรือเปล่า ถ้าไม่รักไม่อยากทำงานนี้ ปูก็จะไม่ทำอยากทำในสิ่งที่ทำแล้วมีความสุข สุดท้ายปูเชื่อนะ พอวินาทีและลมหายใจสุดท้าย ปูอยากจะรู้สึกว่าปูมองกลับไปชีวิตตัวเองและวินาทีนั้น บอกกับตัวเองว่า ฉันทำดีที่สุดแล้ว ฉันพอใจแล้วนี่สำคัญมากสำหรับปู อะไรที่คนอื่นคิดเอาจริงๆนะ ไม่ใช่ปัญหาของปู เพราะฉะนั้นถ้าปูถามทุกคนวันนี้ คุณอยากทำอะไร ? ไปทำซะ เพราะคุณไม่รู้ว่าคุณจะได้ทำไหม วินาทีนี้จะเป็นวินาทีที่เราเด็กที่สุด เราจะไม่เด็กไปกว่านี้แล้ว

เรื่องหนักที่สุดในชีวิต ?

ปู : อยากฆ่าตัวตาย ปูเคยคิดสั้น แล้วมีผู้หญิงคนหนึ่งเข้ามาด่าปู แล้วเขาทิ้งเบอร์โทรศัพท์ไว้ใน IG ปูเลยโทรไปร้องไห้ บอกคุณทำอย่างนี้กับฉันได้ยังไง คุณรู้จักฉันเหรอ คุณรู้ไหมว่าคุณทำฉันไม่ไหว แล้วก็กรี๊ด เพื่อนคว้าโทรศัทพ์แล้วบอกว่า No!! เธอโทรหาคนอื่นแบบนี้ไม่ได้ แล้วปูก็กรี๊ด นอนร้องไห้อยู่กับพื้นห้องน้ำ น่าจะเป็นสิบกว่าชั่วโมง แล้วหลังจากนั้นเป็นแค่จุดเริ่มต้นของสงครามจิตวิทยาและสมองที่จะเกิดขึ้นที่โฆษณาหายหมด งานหายหมด ทุกอย่างที่ยึดติดว่าเป็นตัวตนปู ว่าถ้ามีสิ่งนี้ทำให้ปูมีค่าหายไปหมดเลย แต่มันเป็นของขวัญที่ดีที่สุดที่เกิดขึ้นเลย

คุณได้อะไร ?

ปู : ได้เป็นตัวของตัวเองแล้วตอนนี้ จะชอบไม่ชอบก็ไม่ใช่ปัญหาของเรา ปูออกจากตำแหน่งแล้ว มันเป็นส่วนสำคัญของปูเหมือนกัน แต่สุดท้ายแล้วบางครั้งชีวิตมันก็เหมือนหนังสือบทนี้มันจบแล้ว คนที่คุณเป็นในช่วงเวลานี้มันจบแล้ว คนนั้นควรจะตายไปเพื่อคนใหม่เกิดขึ้นและแกร่งกว่าเดิม

ตอนที่ผ่านมา ตอนนั้น ที่เครียดหนักมาก พ่อ แม่ ของ ปู ไปรยา ล่ะ ?

ปู : พ่อแม่ปูเป็นคนที่บอกว่า เธอจะไปแคร์ทำไม ปูก็ร้องไห้บอก คุณไม่เข้าใจจิตใจปู ไม่เข้าใจว่าคนที่เป็นโรควิตกกังวล มีความเศร้ามากๆ พวกที่เก็บมาคิดจริงจัง คุณไม่เข้าใจว่าแบบปูมีคนขู่ฆ่าด้วยนะ ฉันจะไปหาเธอ แล้วฆ่าเธอ มันแย่มากๆ บางคนเอารูปปูที่เคยถ่ายรูปคู่กันมาฉีกแล้ววาด แล้วส่งเข้ามาใน inbox มันบ้าบอสุดๆ ปูจะไม่ร้องกับสิ่งที่ไม่ควรได้รับน้ำตาปู สัญญากับตัวเองแล้วว่า เราจะไม่ร้องกับสิ่งที่ไม่ควรได้รับน้ำตาเรา เรื่องนี้ไม่ได้รับน้ำตาปูแล้ว ตอนนั้นก็คุยกับพ่อแม่แต่พวกเขาก็ไม่เข้าใจ ปูก็เลยเลือกที่จะวิ่งหนีจากพ่อแม่ วิ่งหนีจากทุกคน ปูเดินพารากอนช่วงหนึ่ง ทุกตาที่ปูมองแล้วคิดว่า เขาเกลียดฉัน ทุกคนเกลียดปู ปูไม่เดินสยามนะทุกคนเกลียดปูที่นั่น เป็นอยู่ 3 ปี บางครั้งปูยังฝันร้ายถึงมันอยู่ มันเป็นเรื่องที่กระทบจิตใจ บางครั้งนั่งอยู่มันกลับมา บางทีเหมือนปูจะจะสัมภาษณ์กับพี่วู้ดดี้ก็คิดว่าพรุ่งนี้มันต้องกลับมาแน่นอน แต่ปูจะไม่แคร์อีกต่อไปแล้ว เพราะปูเชื่ออย่างหนึ่งว่า มันมีคำที่ Brene Brow เคยพูด แบบมันเหมือนสนามมวยมีนักชก 2 คน มีคนดูคนชม พวกที่ชมออกความคิดเห็น เราต้องอย่าไปใส่ใจสิ่งที่เขาพูดกัน เพราะคุณไม่ได้ลงมาสู้ด้วย คุณไม่ได้มาเจ็บหน้า ซ้อม ปวดตัว เมื่อไหร่ที่คุณอยู่ในจุดเดียวกันกับปู เมื่อนั่นปูถึงจะเลือกที่จะฟังคำพูดของคุณ แล้วปูเชื่อว่า นักวิจารณ์ก็ทำได้แต่วิจารณ์นั่นแหล่ะ เราควรวิเคราะห์ตัวเองว่าแทนที่เราจะไปนั่งด่าคนอื่น เราควรจะพัฒนาตัวเองยังไงบ้าง ก็เลยคิดในใจว่าต่อไปนี้ เวลาอ่านข่าวดาราหรืออ่านอะไร แม้แต่เพื่อนจะนินทา จะบอกว่าอย่าไปนินทาเขาเลย เพราะเจอด้วยตัวเอง เลยมองว่าเราไม่สามารถตัดสินใครได้จนกว่าเราได้ไปจนจุดนั้น ชีวิตมันสั้นนัก เราแค่ยกภูเขาแล้ววางลง คุณจะรักหรือไม่รัก แต่ฉันรักตัวเอง ถ้าคุณไม่รักไม่เป็นไร จากวินาทีนี้เป็นต้นไป ถ้าเลือกที่จะหันหลังตลอดไปหรือเลือกที่จะเดินหน้า ปูสามารถทำด้วยความภูมิใจ ปูจะไม่ต้องพูดถึง 3 ปี 6 ปีที่ผ่านมาอีกแล้ว เพราะปูพร้อมมากตอนนี้ พร้อมสำหรับบทใหม่ พร้อมที่จะมีความสุข

อยากทำอะไร ในประเทศไทย ที่ยังเหลืออยู่ ?

ปู : ไม่อยากทำอะไรแล้ว อยากกลับมาช่วยคน เวลาออกจากกรุงเทพฯ มีความสุข อยู่ต่างจังหวัด ไปวัด ไปเจอผู้คนมีความสุขมาก นี่เป็นความทรงจำที่เกี่ยวกับเมืองไทยที่ปูชอบมาก แต่อย่างอื่น อยากจะทำอะไรในวงการบันเทิงเอาจริงไม่มีแล้ว ปูดูทุกอย่างแล้วรู้สึกเหนื่อย ไม่อยากแข่งขัน ต้องปีน ทำมาหมดแล้ว ปูแค่อยากจะชิลๆ มีรายได้ผ่อนบ้านให้จบซะ ปิดบ้านหลังนี้ ปูพอแล้ว ตอนนี้การโฆษณาก็ยังมีทำงาน แล้วก็รู้สึกปลื้มใจที่ได้ทำ อะไรที่เข้ามาแล้วยังอยากร่วมงานกับเรา เราก็จะทำมันด้วยความสุข ด้วยความภาคภูมิใจ ตอนนี้ปูจะใช้ชีวิตแบบเป้นตัวเองที่สุด อะไรที่ไม่ใช่ตัวเรา อะไรที่มันปลอมเพื่อเอาใจคนอื่น อะไรที่ทำเพื่อแข่งขัน ปูว่าเวลาเป็นสิ่งที่แพงที่สุด และมีคุณค่ามากที่สุด ต่อไปนี้ชีวิตปูจะใช้กับใครทำอะไร ปูจะต้องแน่ใจว่าวินาทีนี้ที่ปูคุยอยู่เป็นวินาทีที่ปูจะไม่เสียดายคุ้มค่าแล้ว เพราะฉะนั้นลูกค้าคนไหนที่ปูเหยียบกองแล้ว ปูทุ่มให้ 100% เพราะปูทำเพื่อพวกเขาและปูอยากทำ นั่นคือชีวิตที่ควรเป็น

ที่อเมริกา จะอย่างไรต่อ ?

ปู : อยู่ต่อ ถ้าได้หนังก็เล่น ถ้าได้ซีรีส์ก็เล่น พัฒนาฝีมือการแสดงได้เป็นตัวของตัวเอง อยู่กับเพื่อนๆ กลุ่มใหม่ เลี้ยงหมา 3 ตัว วันหนึ่งหวังว่าจะมีครอบครัว แต่อาจจะไม่แบบธรรมชาติ เป็นคนที่แต่ไม่เห็นภาพตัวเองอุ้มท้องเลย ไม่อยากกดดันให้ใครต้องมาแต่งงานกับเรา ปูค่อนข้างเปิดกว้างจะในรูปแบบไหนก็แล้วแต่ แต่ที่แน่ๆ ลง IG รูป คุณจะไม่ได้เห็นอีกแน่นอน

สามารถติดตาม Woody FM ได้ที่ ช่องทางPodcast : WOODY FM , Facebook: Woody, Youtube: Woody ทุกๆวันพุธ เวลา 19.00 น.

โตโน่ ภาคิน

“โตโน่” อินบทจัดสลัดไม่หลุด ทำ “ณิชา” ร้องไห้ คนรอบกายไม่อยากอยู่ใกล้

เผยทุกความรู้สึก นักร้องพระเอกหนุ่ม “โตโน่ ภาคิน คำวิลัยศักดิ์” เปิดใจหลายเรื่องราว ก่อนเข้าพิธีอุปสมบท 9 ม.ค. 2566 นี้ 7 วัน เพื่อตอบแทนพี่น้องประชาชนไทย-ลาว ที่ร่วมบริจาคสำหรับเพื่อการว่ายน้ำข้ามโขง

เล่าถึงการรับบทบาท “เสือดำ” ในภาพยนตร์ “ขุนพันธ์ 3” ที่ตระเตรียมเข้าฉาย 2 มี.ค.นี้ ทำเจ้าตัวทุ่มเทจนอินจัด เอาตัวเองออกมาจากตัวละครมิได้ ทำเอาคนรอบข้างกลัว รวมไปถึงทำนางเอกสาว “ณิชา-ณัฏฐณิชา” หวานใจ ถึงขนาดร้องไห้

โตโน่

โตโน่ ภาคิน เปิดใจในงานเก็บบรรยากาศ MV “สะกดทัพ”

เป็นการร่วมงานทีแรกกับค่าย khaosan play ที่ One-Tara Studio เริ่มจาก

“ตอนนี้ดีขึ้นแล้วครับ แต่ในช่วงที่เป็นเค้าก็หนัก คือมันไม่น่าอยู่ใกล้ ตอนแรกผมก็ไม่รู้ตัว แต่ถ้าพี่ ๆ จำได้ มันมีวันนึง ที่ผมไปเซอร์ไพรส์วันเกิดน้องณิชา ผมเอากีตาร์ไปร้องเพลงหน้าบ้านเค้า แต่หลังจากนั้นแหละครับ ณิชาร้องไห้ คือตาผมมันเปลี่ยน แล้วพอน้องบอกว่าน้องกลัว ผมก็รู้แล้ว เพราะก่อนหน้านั้น เราก็เริ่มรู้สึกแล้วล่ะ ว่าเราถอดไม่ออก ตอนแรกก็ไปหาคุณหมอ

แต่คราวนี้ที่จะช่วยได้ก็คือ คุณหมอทางการแสดง ก็คือครูแอ๋ว จริง ๆ ครูเตือนว่า อย่าใช้วิธีนี้นะโตโน่ มันไม่คุ้ม เค้าเรียกว่าการเป็นตัวละครตลอดเวลา เรารับปากว่าเราจะไม่ใช้ แต่ใจเรารู้ว่า เราอยากจะมอบทุกอย่างให้กับงานของเรา ผมเป็นคนแบบนั้น ถ้าเล่นคอนเสิร์ต ผมก็จะทำให้สุด เล่นละคร เล่นหนังก็เช่นกัน แต่ในชีวิตจริงผมก็เป็นผมปกติ เพียงแต่พอเรารับเค้ามาแล้วโดยที่ไม่ได้บอกครู และเราไม่มีเวลาไปถอดออก

คราวนี้ผู้จัดการก็กลัวผม จิตใจผมก็ยังมืดมน มันไม่น่าอยู่ใกล้เลย จริง ๆ แล้วผมว่า มันเป็นข้างในมากกว่าครับ ผมก็รู้ตัวว่าผมเป็นผม แต่คนรอบข้างเค้าจะรู้สึกได้เอง พอเรารู้แล้วว่า มันส่งผลกระทบ กับคนรอบข้าง รวมถึงจิตใจข้างในของเรา มันดิ่งมากครับ ตอนแรกเราไม่รู้ เราเห็นนักแสดงต่างชาติ ที่เราชื่นชอบเค้าฆ่าตัวตาย มีปัญหาทางจิต เราไม่รู้แต่พอเกิดขึ้นกับเราเองจริง ๆ แล้วเรารู้แล้วว่า ทำไมครูถึงเตือน”

“ไม่ครับ คือผมไม่ได้คิดทำร้ายตัวเอง แต่ผมแค่ไม่น่าอยู่ใกล้ครับ ช่วงแรกต้องกินยา รู้ตัวเราในช่วงนั้นตอนเป็นหนัก ๆ คนใกล้ตัวอย่างผู้จัดการผม แค่ผมขึ้นรถเค้าก็กลัวแล้ว ผมลงมาจากรถตู้มาถึงกองขุนพันธ์ พี่อนันดา มาริโอ้ ก็ยังไม่อยากเข้าใกล้ ยิ่งพอใส่ชุดใส่อะไรยิ่งไปกันหมด แต่พอเราดีลได้อย่างเช่นซีนนี้ ๆ ผมสามารถเป็นเค้าได้ 100% นะ อย่างที่ผมไม่ต้องกังวล ว่าคนที่เล่นด้วยกับผม เค้าจะได้รับอันตรายก็ดีขึ้น ซีนไหนที่ต้องแอ็กชันกัน ผมรู้แล้วว่าผมต้องมีสติในการเซฟเพื่อน ที่ร่วมเล่นด้วย มันก็ปลอดภัยแต่ในช่วงแรก ๆ มันอันตราย ก็เลยต้องปรึกษา กับทางครู และ คุณหมอในช่วงแรก”

หมอชี้แจงมั้ย ว่าเป็นอาการอะไร?

“มันเป็นเพราะว่าเรายินดีที่จะตายเพื่อมัน บนเวทีคอนเสิร์ตผมยินดีเลยนะ ผมจะเป็นตัวอะไรก็ได้ถ้าคนจ้างผม คนที่เสียบัตรอุตส่าห์ขี่มอเตอร์ไซค์มา ขับรถมา เสียตังค์มาดูคอนเสิร์ต อะไรที่จะทำให้เค้ามัน เค้ามีความสุข ผมยินดี หนังก็เหมือนกัน ถ้ามันจะสะท้อนชีวิตของคนที่ทำไมเค้าถึงเลือกเป็นเสือ เค้าโดนอะไรมาบ้าง กับชีวิตนั้น ผมยินดี

ในช่วงเวลาที่หนังที่เรารัก คือเรารักวงการนี้ มันคืออาชีพของเราไม่ว่าจะเป็นนักร้องหรือนักแสดงและเราก็อยากจะให้เกียรติบทตัวละครที่เราจะต้องไปเป็นเค้า เพียงแต่ว่ามันเป็นครั้งแรกที่เราเป็นไปหมดเลย คราวนี้ก็เป็นประสบการณ์ที่ดีของผมเหมือนกันในการที่จะต้องรู้จักถอดออกเพราะไม่อย่างนั้นผมอาจจะมีปัญหาทางจิตใจ ตอนนี้ก็ยังเป็นอยู่ หมายถึงมันเป็นความรับผิดชอบของนักร้องนักแสดง”

ไม่สบายใจว่าพอหนังเข้าฉาย อารมณ์นั้นจะกลับมาอีก?

“ไม่ครับ คือตอนนี้บางอย่างก็ยังเป็นแต่พอเรารู้แล้วว่าจะคุมมันยังไง มันก็ถอดไปก็มีวิธีดีลกับความรู้สึกข้างใน เพียงแต่ตอนที่เราต้องเป็นเค้าตลอด ต้องถ่ายทำกันตลอด 3-4 เดือนนั้นมันก็เป็นความทรมานที่มีความสุขอยู่ลึกๆหมายถึงเราดีใจกับคนดู เราเคยมีคำถามว่าทำไมนักแสดงฝรั่ง ดูเวลาเค้ายิง เค้าขี่ม้าสิ ทำไมมันเหมือนจริง ทำไมเค้าทำได้ แล้วเราเป็นนักแสดงไทยเราก็ควรจะทำได้แบบนั้น

แต่โอเคในเรื่องของรายได้ เราไม่ได้รายได้เท่าฮอลลีวูด แต่ในเรื่องของจิตวิญญาณหรือความรับผิดชอบเราเท่ากันครับ เรามีอาชีพเหมือนกัน มันเป็นสิ่งที่ถ้าเราบอกว่าเรารักวงการบันเทิง หรือเรารักคนดูเรา ก็ควรทำให้เต็มที่ คอนเสิร์ตก็เหมือนกัน แต่เวลาที่ผมเป็นผมแบบนี้ ผมก็เป็นลูกของแม่ ผมก็เป็นแบบนี้”

โตโน่ ภาคิน  คำวิลัยศักดิ์

เรื่องกระโดดน้ำ ในคอนเสิร์ต หรือ ท่าสตาร์ตรถที่เป็นกระแส?

“คือเรื่องโดดน้ำนี่เราก็เคยโดดมาแล้วนะ สตาร์ตมอเตอร์ไซค์เราก็สตาร์ตมาเป็น 10 ปีแล้ว แต่อาจจะเป็นเพราะว่าเดี๋ยวนี้มีติ๊กต่อก โซเชียลมันมากขึ้น คือไมค์ตัวนี้มันมีปัญหาเวลาเล่นในที่แคบ แล้วเราจะเปลี่ยนไมค์ใหม่อยู่แล้ว เราสั่งไมค์ใหม่เอาไว้แล้ว เราจะได้ไมค์ใหม่อีกวันนึง จริงๆดูไว้ตั้งแต่ตอนซาวด์เช็กแล้วครับ ไปดูแล้วว่ามันลึกขนาดไหน ถามเค้าแล้วว่าเคยมีคนโดดมั้ยก็มีคนเคยโดด และเราก็คิดไว้แล้วว่ามันน่าจะสนุก ถามว่าเจ็บมั้ย ไม่เจ็บครับ แต่ถ้าลงไปแล้วยืน เจ็บครับ อารมณ์ตอนนั้นอยากจะเอนเตอร์เทนคนดูเพราะเพื่อนๆ ก็มีความสุขที่มาดู มันก็เป็นคอนเสิร์ตที่ขอนแก่นบ้านผมด้วย ก็ดีใจนะครับ ดีใจกับทางร้าน คนไปตามหาร้านกันและเป็นเพลงสุดท้ายที่เราร้องด้วย”

พี่แจ๊ส ชวนชื่น พูดว่าไม่ต้องกระโดดน้ำแล้ว ด้วยเหตุว่าคนส่งไปให้แจ๊สคัฟเวอร์?

“ก็ต้องขอโทษพี่แจ๊สด้วยครับ แต่ไม่ได้ทักหาเลยไม่คิดจริงๆ อย่างสตาร์ตมอเตอร์ไซค์ ก็ไม่คิดว่าจะฟีดแบ็กเยอะขนาดนี้ ก็ตกใจ ก็มีคนมาให้สอนเหมือนกัน”

ไม่ได้โกรธใคร ที่มาเลียน แบบล้อเลียน?

“ไม่เลยครับ คือผมไม่ได้มีลิขสิทธิ์ท่าและเราเลือกได้ว่าเราจะตอบสนองยังไงและผมเป็นคนให้เกียรติคนเสมอมา ผมเลือกได้ เราอาจจะเลือกเกิดไม่ได้ แต่เราเลือกได้ว่าเราอยากจะเป็นคนแบบไหน” จะมีตำนานใหม่ๆมั้ย? “ผมไม่เคยคิดเลยว่ามันจะเป็นตำนานอะไร ผมแค่ทำงานของผมให้เต็มที่ เพื่อคนที่เค้าอุตส่าห์เสียเงินมาดูผมครับ”.